Vernier Caliper

Vernier Caliper
Vernier Caliper วัดชิ้นงานด้วยความละเอียด 0.01mm

วันอาทิตย์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2558

ใครจะได้เป็นจ่าฝูง เชลซี ปะทะ แมนยู

เชลซี

     มาถึงจุดนี้ของฤดูกาลถ้าถามว่า...แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พอมีความหวังลุ้นแชมป์มั้ย 

       แน่นอนครับ...ต้องบอกว่ามีสิ ก็เหมือนช่วงต้นซีซั่นที่ผมเคยเขียนเอาไว้ว่า พวกเขาพอมีหวังลุ้นได้ เพียงแต่ช่วง 4 เดือนแรกจับต้นชนปลายไม่ถูก รอเวลาแค่ปรับแต่งทีมให้มันลงล็อกตามที่อาจารย์หลุยส์ต้องการ

        ประเด็นมันคือว่าทีมที่เล่นไม่ดีแล้วชนะเนี่ย....มันมีโอกาสพัฒนาได้อยู่ ถามว่าแตกต่างจากทีมที่เล่นดีแล้วแพ้มั้ยครับ

        ต่างอยู่ในเรื่องสภาพจิตใจ...แบบหลังนี่ทำให้ท้อได้ง่ายๆ เล่นดีแล้วยังแพ้ ก็ไม่ต้องไปคิดถึงเรื่องเล่นแย่แล้วล่ะครับ ส่วนพวกเล่นแย่แล้วชนะ กำลังใจดีกว่า ไม่ได้มั่นใจ แต่มีโอกาสปรับปรุงให้เล่นดีแล้วชนะเลย

        มองแล้วเหมือนคล้ายคลึงกันนะครับ แต่ไม่ใช่ มันต่าง

        แมนฯ ยูฯ คือทีมที่เล่นไม่ดีเมื่อ 4-5 เดือนแรก แต่สามารถเก็บผลแข่งได้เพราะอาจารย์หลุยส์เน้นผลงานด้วยเป้าหมายคือ ''ไป ชปล.'' ถ้าดูตามหน้าเสื่อก็ประมาณที่ 3 และ 4 ปล่อยให้เชลซีกับ แมนฯ ซิตี้ ลุ้น 1-2 กันตามลำพัง

        มันควรเป็นแบบนั้น แต่อย่างว่าแหละครับซีซั่นหนึ่งเขาวัดกันตลอด 8-9 เดือนไม่ใช่ 5 เดือนแรก แต่มันเป็น 4 เดือนสุดท้าย ใครมีฮึด..ใครเร่งเครื่อง ใครมีก๊อกสาม หรือใครยืนระยะได้นานกว่ากัน

        ฟุตบอลลีกที่เตะกัน 9 เดือน เหมือนวิ่งมาราธอน มันเป็นธรรมชาติครับ ออกตัวแรงกว่าไม่ใช่จะเข้าเส้นชัยในการวิ่งระยะไกล มันต้องสม่ำเสมอ ความเร็วที่สำคัญคือความเร็วสุดท้ายก่อนเข้าเส้นชัยนะครับ

        เร่งกันรอบสุดท้าย...โค้งสุดท้าย

เชลซี

        ถ้าเปรียบเทียบแบบนี้ เชลซี, อาร์เซน่อล และ แมนฯ ยูไนเต็ด คือทีมที่รักษาฝีเท้าตัวเองสม่ำเสมอ ไม่มีตกช่วง ถ้าวิ่งนำก็นำและเกาะกลุ่มกันมาจนถึงล่าสุด โดยมีบางทีมตกลงไปจากกลุ่มนั่นคือ แมนฯ ซิตี้

        ประเด็นของ ''เรือใบ'' เวลานี้คือการยึดอันดับสี่และไม่ให้หลุดพื้นที่ ชปล. ต้องฮึดสู้ไม่งั้นเป้าหมายสำคัญจะหลุดมือ

        บอกเลยว่า...ถ้านักเตะชุดนี้ของ แมนฯ ซิตี้ ปล่อยให้ลิเวอร์พูล, เซาธ์แฮมป์ตันแซงขึ้นที่ 4 ได้เมื่อจบฤดูกาล...ต้องไล่ออกทั้งคณะครับ แบบนี้ไม่ไหว เสียเงินค่าจ้าง เสียความรู้สึกจากแฟนบอลที่ตั้งหน้าตั้งตาเชียร์มาตลอดทั้งปี

        เรื่องของเรือใบ...เดี๋ยวก็รู้ แต่เรื่องของบิ๊กแมตช์ที่มาถูกจังหวะเวลาและมีความหวังเกิดขึ้นจากทีมเยือนถ้าพวกเขาบุกไปล้มเชลซีได้

        ตอบคำถามแรกก่อนนะครับ...แมนฯ ยูฯ มีโอกาสล้มเชลซีได้มั้ย ผมบอกเลยว่า ''มี'' ไม่ได้น้อยกว่าเจ้าบ้านด้วยซ้ำ แต่นัดนี้มันคือเกมชี้ชะตาแชมป์ด้วยเหมือนกัน ถ้าผีแดงมีโอกาสลุ้นแชมป์ เราคงต้องบอกว่าเจ้าบ้านคือผู้ที่จะเป็นตัวตัดสินว่ายอมมั้ย

        เชลซีเอามือจับถ้วยเอาไว้แล้ว...ถ้าเกมนี้ชนะ แมนฯ ยูฯ พวกเขาทิ้งอาร์เซน่อล 10 แต้ม และเหลืออีก 6 นัด คือพวกเขาสามารถเตะหลุดและแพ้ได้ 3 นัดใน 6 แบบว่าเลวร้ายสุดๆ แต่ถ้าพวกเขาไม่ชนะ

        โชเซ่ มูรินโญ่ มีทางออกในกรณีนี้ เพราะพวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องดันทุรังเพื่อเล่นให้ชนะแบบว่าเหนือกว่า แมนฯ ยูฯ ในฐานะทีมใหญ่ด้วยกัน การชนะทีมใหญ่ด้วยกันได้ความสะใจ ได้ศักดิ์ศรี ได้ 3 คะแนน แต่ไม่ได้หมายความว่ามันทำให้คุณเป็นแชมป์

        ทุกนัดคือเกมใหญ่และทีมใหญ่หมดสำหรับแชมป์ลีก!!

เชลซี

        เล่นกับทีมใหญ่อาจเป็นแรงเสริมบวกถ้าคุณชนะ มันมีผลกับเกมต่อไปถ้าคุณสามารถนำไปต่อยอดได้จากพลังใจที่ได้มาเต็มๆ แต่ถ้าชนะทีมใหญ่แล้วเกมต่อไปแพ้ทีมเล็ก นั่นคือทีมของคุณขาดความคงเส้นคงวา เรียกว่าเอาแน่เอานอนไม่ได้ ซึ่งผมเชื่อว่าไม่เกิดขึ้นกับเชลซี

        ภาพรวม...เชลซียังเป็นทีมที่พร้อมสำหรับการเป็นแชมป์และเกมที่จะรับมือ แมนฯ ยูไนเต็ด เวลานี้อ่านไต๋ มูรินโญ่ไม่ยากแล้วครับว่าเขาจะวางแท็กติกแบบไหน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการที่พวกเขาไม่มี ดีเอโก้ คอสต้า ซึ่งเดี้ยงอยู่

        โลอิก เรมี่ หรือ ดร็อกบา ไม่ต่างครับ ใครลงก่อนหลังเพราะที่สำคัญคือ ''แผน'' รับมือผีของมูรินโญ่ ซึ่งมักเป็นโรคกลัวทีมใหญ่ด้วยกันจึงต้องเพลย์เซฟและวางกำลังแบบรัดกุมเล่นให้เสียยาก พลาดยาก

        ที่สำคัญ...ถ้าเกมนี้พวกเขามีแต้มหลังจบเกม แม้กระทั่ง 1 แต้ม การันตีแชมป์ได้เลย เชื่อว่าทุกท่านคิดไม่ต่างจากนี้แน่

        แดนกลางที่เป็นประเด็นคือ ออสการ์ฟอร์มหลุด ทำให้มีข่าวเรื่องการขายทิ้ง...โอเค เรื่องนั้นว่ากันตอนหน้าร้อน แต่เวลานี้กลางรุกสามคนถ้าไม่ใช้ ออสการ์จะใช้ใคร ถ้าดูตัวผู้เล่นที่มีอยู่ อาซาร์นำทีมกับ วิลเลี่ยน อีกหนึ่งคือใคร เพราะกลางรับ มาติช กับ เชส จองอยู่แล้ว หลังแบ็กโฟร์เหมือนเดิม

        ผมขอทายใจ มูรินโญ่ว่าอาจใช้กลางรุก 2 คือ อาซาร์ กับ วิลเลี่ยน ส่วนกลางรับอาจเพิ่มรามิเรสมาช่วยซ้อนพื้นที่ด้านข้างด้วย เชื่อว่ามูรินโญ่จะปิดตายเกมรุกด้านข้างของอาจารย์หลุยส์ แบ็กกับปีกผีแดงอาจขึ้นบอลยากสักหน่อย

        พื้นที่ริมเส้นสองฝั่งจะเป็นพื้นที่สำหรับการเฝ้าระวังของนักเตะเชลซี ถ้าแมนฯ ยูฯ ทั้ง วาเลนเซีย ขึ้นเกม หรือ บลินด์ กับอาจารย์ยังใช้ฝั่งซ้ายขึ้นเกม นั่นคือพื้นที่ที่นักเตะเชลซีต้องบล็อก ต้องเพรสซิ่ง และทำให้เสียบอล หรือถ้าตัดได้โต้กลับทันที

เชลซี

        ระวัง!! อาจมีหลุมพรางดักนักเตะผีให้ลุยขึ้นมา ถ้าสังเกตให้ดีนัดที่เจอ แมนฯ ซิตี้ หลังลอยสองสามครั้งและน่าโดนยิงอย่างน้อย 1 ครั้ง แต่นาบาสพลาดเอง จุดนี้ต้องระวังด้วย ถ้าหวังจะบุกใส่

        ผมมองว่าอาจารย์หลุยส์เล่นตามเกมตัวเองครับ ไม่สนใจมูรินโญ่ว่าจะออกมาไม้ไหน แมนฯ ยูฯ จะไม่เปลี่ยนและจะไม่เล่นเพื่อ 1 แต้ม แมนฯ ยูฯ ต้องการชนะเกมนี้ เพราะแมนฯ ยูฯ ตั้งรับไม่เป็น และถ้ารับ...อันตราย

        บุกดีกว่า

        นี่คือสิ่งที่น่าสนใจอย่างยิ่งครับ ด้วยเพราะว่ามูรินโญ่รอดักตีหัวเข้าบ้านอยู่ ขอ 1 ลูกเหมือนนัดแรกเล่นปิดเกมเพื่อชนะ (ซึ่งสุดท้ายเสมอ) ก็จะทำแบบนั้น

        เรื่องตัวผู้เล่น อาจารย์หลุยส์คงไม่เปลี่ยนตัวและจะยึดทีมเดิมแผนเดิม ปัญหามีแค่ว่าจะต่อยอดทอดยาวได้ดีขนาดไหน นัดนี้วัดด้วยเหมือนกันว่าเมื่อเจอทีมที่มาตรฐานดีสุดในลีก หลังจากชนะมาต่อเนื่อง เจอของแข็งสุดๆ แล้วพวกเขาจะโอเคมั้ย

        ผมคิดว่าจุดนี้เป็นเรื่องที่อาจารย์ต้องระวังตัวด้วยเช่นกัน ไม่งั้นโดนทีเด็ดของมูรินโญ่สวนกลับเอาประตูมาเป็นแต้มต่อในเกมนี้

        บอกตามตรงมุมเสมอนั้นมีกว้างสุด เพราะมูรินโญ่ต้องการเล่นแบบเพลย์เซฟ ยิงไม่ได้ บุกไม่ได้ไม่เป็นไร แต่การเสมอทำให้พวกเขานำ 8 คะแนน แข่งเท่ากันเมื่อเหลือ 6 นัด สถานการณ์แบบนี้ยังเป็นใจให้พวกเขามีโอกาสซิวแชมป์ได้

        ดังนั้นถ้าจะให้ฟันธงผลคู่นี้

        สัดส่วนของการเสมอ 50 เปอร์เซ็นต์เลยล่ะครับ ส่วนที่เหลืออีก 25% นั้นเป็นเปอร์เซ็นต์ชนะของทั้งสองทีม ซึ่งผมคิดว่ามี ''เท่ากัน''

        ด้วยแนวคิดก่อนลงสนามของ โชเซ่ มูรินโญ่ เน้นอย่างสุดๆ ว่า ''ยังไงต้องมีแต้ม''

CR : http://www.siamsport.co.th/Column/150418_006.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น