เล่าสู่กันฟังใน วันคุ้มครองโลก

วันคุ้มครองโลก

วันคุ้มครองโลก คุ้มครองเงินในกระเป๋า
เล่าสู่กันฟัง : วันคุ้มครองโลก คุ้มครองเงินในกระเป๋า : โดย...บัญญัติ คำนูญวัฒน์

                          ช่วงนี้เดินไปทางไหนใครๆ ก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “อากาศร้อนอบอ้าว” และยิ่งร้อนคนก็ยิ่งเปิดแอร์ เปิดพัดลม จึงไม่น่าแปลกใจที่ตอนนี้มียอดปริมาณการใช้ไฟฟ้าของประเทศไทยสูงเป็นประวัติการณ์อยู่ที่ 27,056 เมกะวัตต์ และมีแนวโน้มใช้ไฟฟ้าสูงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเทียบกับในปีที่ผ่านๆ มา

                          วันนี้ตรงกับวัน “Earth day” หรือ “วันโลก” วันที่ 22 เมษายนของทุกปีที่องค์การสหประชาชาติ หรือยูเอ็น ประกาศให้เป็นวันคุ้มครองโลก จึงอยากนำเรื่องราวที่เกี่ยวกับการประหยัดพลังงาน และอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์ต่อแฟนประจำคอลัมน์...มาเล่าสู่กันฟัง

                          คงเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ในแต่ละปีประเทศไทยเรานำเข้าพลังงานเป็นจำนวนมาก ล่าสุดประมาณร้อยละ 70 ของพลังงานที่ผลิตได้ภายในประเทศ หากคิดเป็นเงินในปีหนึ่งๆ ประเทศไทยจะนำเข้าพลังงานอยู่ที่ประมาณ 1.4 ล้านล้านบาท และเทียบกับงบประมาณแผ่นดินจะอยู่ในสัดส่วนที่เกินครึ่งเช่นเดียวกัน เพราะงบประมาณแผ่นดินเฉลี่ยที่ 2.75 ล้านล้านบาท โดยพลังงานส่วนใหญ่ที่นำเข้าจะเป็นน้ำมันและก๊าซ ซึ่งทั้งสองนี้เป็นปัจจัยหลักในกระบวนการผลิตกระแสไฟฟ้า โดยเฉพาะก๊าซที่ส่งตรงมาจากพม่าและอ่าวไทย เมื่อเกิดกรณีพม่าหยุดซ่อมบำรุงท่อก๊าซ ด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่กังวลกับเสถียรภาพด้านพลังงาน จากหลายฝ่ายทั้งนักวิชาการและประชาชน โดยเฉพาะไฟฟ้าที่ต้องใช้เชื้อเพลิงเหล่านี้เป็นปัจจัยสำคัญในการผลิต

                          สำหรับในกรณีนี้...ในฐานะเราคนไทยด้วยกันมาร่วมด้วยช่วยกันผ่านสถานการณ์นี้ได้ โดยการประหยัดพลังงาน ง่ายๆ ด้วยการปิดไฟ ปิดแอร์ในช่วงพักเที่ยง เพียงแค่ 1 ชั่วโมง ก็สามารถลดค่าไฟเฉลี่ยได้สูงถึง 15% และถ้ามองการประหยัดพลังงานในระยะยาว แนวทางที่ภาครัฐเคยส่งเสริมให้ผู้ประกอบการลงทุนปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ประหยัดพลังงาน แล้วสามารถนำค่าใช้จ่ายไปลดหย่อนภาษีได้ 25% ของการลงทุน ถือเป็นโครงการที่ได้ผลตอบรับดีมาก มีการลงทุนเพื่อปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ 251 ล้านบาท สามารถช่วยชาติประหยัดพลังงานสูงถึง 90 ล้านบาท ในปีแรกของการลงทุนปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ และในระยะยาวยังช่วยลดการใช้พลังงานได้อีกด้วย

                          ส่วนด้านความมั่นคงทางพลังงานก็ต้องยอมรับว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีการนำพลังงานทดแทนมาผลิตไฟฟ้าอย่างจริงจังหลายรูปแบบ ทั้งเชื้อเพลิงถ่านหินที่มีการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาเพิ่มประสิทธิภาพและลดมลพิษ รวมทั้งยังมีพลังงานทดแทนอื่นๆ เช่น พลังงานทดแทนจากแสงอาทิตย์, น้ำ, ขยะมูลฝอย เป็นต้น แม้จะมีต้นทุนสูง แต่ก็เป็นการลงทุนที่น่าจะคุ้มค่าและลดปัญหามลภาวะได้ดี

                          ในวันคุ้มครองโลก...และช่วงอากาศร้อนจัดแบบนี้ คงจะดีไม่น้อยหากจะนับเป็นจุดเริ่มต้นที่เราๆ ท่านๆ จะได้ร่วมกันประหยัดพลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดีของประเทศ เพราะนอกจากช่วยลดภาวะโลกร้อนได้แล้ว ยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการลงทุนด้านพลังงานของประเทศชาติ และที่สำคัญคือช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าที่ต้องจ่ายไปทุกเดือนๆ ให้แก่การไฟฟ้าฯ


CR : http://www.komchadluek.net/detail/20150422/205048.html