Vernier Caliper

Vernier Caliper
Vernier Caliper วัดชิ้นงานด้วยความละเอียด 0.01mm

วันอาทิตย์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

แอ็กซิสเปิดตัวลำโพงขยายเสียง สำหรับแอพ กล้อง IP Camera

กล้อง IP Camera
ลำโพงขยายเสียงสำหรับแอพ กล้อง IP Camera

ลำโพงขยายเสียงบนเครือข่าย AXIS C3003-E เป็นลำโพงที่ใช้ติดตั้งภายนอก ซึ่งสามารถติดตั้งได้อย่างง่ายดาย เพื่อการพูดคุยระยะไกลผ่านระบบเน็ตเวิร์ค ด้วยคุณภาพเสียงที่ชัดเจน เมื่อนำลำโพง AXIS C3003-E มาใช้งานร่วมกับวิดีโอ เซอร์เวลแลนซ์ จะช่วยให้พนักงานผู้ดูแลระบบความปลอดภัยสามารถบริหารจัดการผู้คนที่อยู่ในระยะไกลได้ และหากมีเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ก็จะสามารถยับยั้งได้ทันเวลา ลำโพงนี้เหมาะสำหรับการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับวิดีโอ เซอร์เวลแลนซ์ ที่ติดตั้งในพื้นที่ภายนอก เช่น ลานจอดรถ สถานที่ก่อสร้าง และสถานที่ที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ รวมถึงสถานที่สาธารณะที่เป็นศูนย์รวมกิจกรรมต่างๆ

แอ็กซิส คอมมูนิเคชั่นส์ ผู้นำระดับโลกด้านวิดีโอเน็ตเวิร์ค เปิดตัว AXIS C3003-E ลำโพงขยายเสียงบนเครือข่าย สำหรับการพูดคุยระยะไกลแบบโอเพ่นสแตนดาร์ดตัวแรกของวงการ ลำโพง AXIS C3003-E ติดตั้งง่าย และทำงานร่วมกับระบบวิดีโอ เซอร์เวลแลนซ์ หรือระบบโทรศัพท์บนเครือข่าย (IP telephony) ได้ง่าย สามารถเชื่อมต่อผ่านระบบเครือข่ายได้จากทุกที่

นายปีเตอร์ ลินสตรอม ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจใหม่ของแอ็กซิส กล่าวว่า "Axis C3003-E เป็นอุปกรณ์ที่รองรับ IoT (Internet of Things) อย่างแท้จริง และมีข้อดีหลายประการเพราะเป็นอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายไอพี เช่น ผู้ใช้สามารถกำหนดหมายเลขโทรศัพท์ให้กับลำโพง และเพียงแค่หมุนโทรศัพท์เข้าไปยังหมายเลขที่กำหนดไว้ก็จะได้ยินเสียงปลายทาง ซึ่งจะช่วยให้สามารถทำงานร่วมกับเทคโนโลยีอะไรก็ได้"

ลำโพง AXIS C3003-E ได้รับการพัฒนาจากความร่วมมือจากลูกค้าที่อยู่ในอุตสาหกรรมวิดีโอ เซอร์เวลแลนซ์ ลำโพงนี้ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการติดตั้ง ทำงานร่วมกับเทคโนโลยีต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย และเชื่อถือได้ ช่วยให้ลูกค้าสามารถเพิ่มฟังก์ชั่นการพูดคุยในระยะไกลไปยังระบบตรวจการณ์ของพวกเขาได้อย่างง่ายๆ เพื่อยับยั้งการก่ออาชญากรรมหรือเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์

นายลาร์ส แคมป์ ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจของซิเคียวริทาส ซึ่งติดตั้งลำโพงไว้ภายนอกเพื่อป้องกันสถานที่ภายนอกรอบๆ เกือบทั้งหมด กล่าวว่า "ลำโพงขยายเสียงบนเครือข่ายช่วยให้พนักงานที่ดูแลระบบความปลอดภัยของเราทำการแทรกแซงได้ทันทีเมื่อวิดีโอวิเคราะห์ออกมาว่ามีการละเมิดความปลอดภัย ณ สถานที่ของลูกค้า โดยปกติแล้วผู้บุกรุกจะหนีจากที่เกิดเหตุเมื่อรู้ตัวว่าถูกตรวจจับได้จาก กล้อง IP Camera ซึ่งช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายที่เกิดจากความเสียหาย และไม่จำเป็นต้องร้องขอความช่วยเหลือโดยไม่จำเป็น

AXIS C3003-E เป็นลำโพงแบบครบชุดที่ประกอบด้วยการส่งสัญญาณ การถอดรหัส การขยายเสียง และลำโพงอยู่ในตัวเดียวกัน AXIS C3003-E ไม่จำเป็นต้องเชื่อมต่อกับเครื่องขยายเสียงที่แยกต่างหาก หรือกับ กล้อง IP Camera เน็ตเวิร์คที่ต้องต่อเข้ากับเน็ตเวิร์ค ซึ่งเป็นสิ่งที่แตกต่างจากลำโพงแบบอนาล็อกทั่วๆ ไป ด้วยการที่ AXIS C3003-E เป็นอุปกรณ์แบบสแตนด์อโลน จึงสามารถวางไว้ที่ใดก็ได้ ช่วยให้การออกแบบระบบมีความยืดหยุ่น ปรับขยายได้ และประหยัดค่าใช้จ่าย นอกจากนี้ลำโพงยังมีแหล่งพลังงานผ่านอีเธอร์เน็ต (Power over Ethernet, PoE) โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งแหล่งจ่ายไฟที่ต่อจากภายนอก AXIS C3003-E ใช้พลังงานและต่อตรงเข้ากับระบบบริหารจัดการวิดีโอ และ/หรือระบบโทรศัพท์แบบ Voice over IP (VoIP) ด้วยสายเคเบิลระบบเน็ตเวิร์คเพียงสายเดียว

ลำโพงนี้มีระดับความดังเสียงสูงเพื่อความเข้าใจในคำพูดจากระยะไกล การประมวลผลสัญญาณที่ทันสมัยช่วยให้เสียงมีคุณภาพสูง ฟีเจอร์ที่เป็นนวัตกรรมอย่างหนึ่งในลำโพง AXIS C3003-E คือการทดสอบลำโพงแบบอัตโนมัติ (Auto Speaker Test) ที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งสามารถตรวจสอบว่าลำโพงใช้งานได้เป็นปกติดีอยู่หรือไม่ โดยการให้เสียงตอบรับไปยังระบบ

นายลาร์ส แคมป์ กล่าวเสริมว่า "ซิเคียวริทาส ได้เคยมีการใช้งานลำโพงแบบอนาล็อกมาจนถึงปัจจุบัน การใช้ลำโพงแบบอนาล็อก มีความไม่แน่นอนอยู่เสมอเนื่องจากไม่มีวิธีการตรวจสอบระยะไกลว่าลำโพงเหล่านั้นทำงานถูกต้องได้ตามปกติอย่างแท้จริงหรือไม่ ลำโพง AXIS C3003-E ช่วยให้เราตรวจสอบการทำงานของลำโพงและตรวจสอบคุณภาพเสียงได้จากระยะไกล ลำโพงของแอ็กซิสยังรองรับ PoE ซึ่งทำให้การติดตั้งง่ายและช่วยลดค่าใช้จ่ายในการติดตั้ง นอกจากนี้ยังช่วยให้เราสามารถใช้ข้อความที่บันทึกไว้ล่วงหน้าได้ด้วย ความต้องการของลูกค้าของเราได้รับการตอบสนองอย่างมากด้วยลำโพงของแอ็กซิส"

AXIS C3003-E สามารถเล่นไฟล์เสียงที่บันทึกไว้ล่วงหน้า เมื่อมันถูกเรียกโดยอัตโนมัติหรือเรียกแบบทีละครั้งในการตอบสนองต่อเหตุการณ์การแจ้งเตือน ลำโพงนี้มาพร้อมกับไฟล์เสียงที่บันทึกไว้ล่วงหน้า เช่น เสียงการบุกรุกและข้อความฉุกเฉินต่างๆ และผู้ใช้สามารถอัปโหลดเสียงของตัวเองได้ด้วย

ลำโพงของแอ็กซิสทำงานร่วมกับระบบจัดการวิดีโอต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย ซอฟต์แวร์ที่ใช้ประกอบด้วยซอฟต์แวร์จาก Aimetis Corp., Genetec, Milestone Systems และ NICE Systems รวมถึง AXIS Camera Station 4.20 ที่กำลังจะออกสู่ตลาด ซึ่งเหมาะกับการติดตั้งที่มีขนาดเล็กและขนาดกลาง AXIS C3003-E ยังทำงานร่วมกับโทรศัพท์ระบบ VoIP ที่ใช้ SIP (Session Initiation Protocol) ช่วยให้ผู้ใช้โทรติดต่อกับลำโพงและประกาศข้อความที่ต้องการได้แม้กระทั่งจากโทรศัพท์มือถือของผู้ใช้เอง การที่ AXIS C3003-E เป็นอุปกรณ์ระบบเน็ตเวิร์ค ลำโพงแต่ละตัวจึงสามารถระบุแอดเดรสได้ เนื่องจากผู้ใช้แต่ละคนมี IP แอดเดรสที่ไม่ซ้ำกัน

ลำโพงขยายเสียงบนเครือข่าย AXIS C3003-E มีจำหน่ายแล้วผ่านช่องทางจัดจำหน่ายของแอ็กซิส

สปาย - SPY สายลับผู้มีความเก๋าเป็นอาวุธ ซับไทย

สปาย Spy
ภาพยนต์ สปาย - Spy

เรื่องย่อ สปาย - Spy

จากผลงานเรื่องล่าสุดของผู้กำกับ  พอล พีก  (Bridesmaids , The Heat) ที่ลงมือทั้งกำกับและเขียนบทเอง เตรียมพบกับภาพยนตร์แอ็คชั่น-คอมเมดี้อย่าง Spy ว่าด้วยเรื่องราวของซูซาน คูเปอร์ (เมลิสซา แม็คคาร์ธีย์) นักวิเคราะห์ CIA ผู้ถ่อมเนื้อถ่อมตนและได้แต่นั่งอยู่กับโต๊ะ เธอเป็นวีรสตรีที่ไม่มีใครกล่าวขวัญถึงเบื้องหลังภารกิจสุดอันตรายขององค์กรสายลับแห่งนี้ แต่เมื่อเพื่อนร่วมงานของเธอ (จู๊ด ลอว์) หายสาบสูญไปและสายลับระดับสูงอีกคนหนึ่ง (เจสัน สเตแธม) ก็ถูกเปิดเผยตัว เธอจึงอาสาปลอมตัวเข้าไปแทรกซึมในวงการนักค้าอาวุธซึ่งเต็มไปด้วยอันตรายและป้องกันไม่ให้หายนะระดับโลกเกิดขึ้น

สปาย Spy
รูปจากในภาพยนต์ สปาย - Spy

ผู้กำกับ : พอล ฟีก
นักแสดง : เจสัน สเตแธม, จู๊ด ลอว์, เมลิซซ่า แม็คคาร์ธี, โมรีน่า แบคคาริน,
ค่ายภาพยนตร์ : Twentieth Century Fox Film Corporation, Feigco Entertainment

สปาย Spy


คลิปตัวอย่างภาพยนต์ สปาย - Spy

เจอกันวันที่ 4 มิถุนายนนี้ ทุกโรงภาพยนต์

ละครฟอร์มยักษ์ ข้าบดินทร์ นำแสดงโดย เจมส์ มาร์

ข้าบดินทร์

"ข้าบดินทร์" บทประพันธ์ของ วรรณ วรรธน์ กำกับการแสดงโดย อรรถพร ธีมากร บทโทรทัศน์ เอกลิขิต งานนี้บอสใหญ่ "พี่ปิ่น ณัฏฐนันท์" ยังทุ่มทุนสร้างฉากสวย ๆ ที่ใช้ในการถ่ายทำ เก็บมาฝากให้แฟน ๆ ได้ชมกันอย่างจุใจ"


หลังจากที่เดินหน้าถ่ายทำกันมาเป็นเวลานาน กับละครพีเรียดฟอร์มยักษ์ สุดอลังการ "ข้าบดินทร์" ของผู้จัดมากฝีมือแห่งค่ายทีวีซีน "พี่ปิ่น–ณัฏฐนันท์ ฉวีวงษ์" ที่จะมาเอาใจแฟนละครพีเรียด ด้วยการจับพระเอกรูปหล่อ "เจมส์ มาร์" ประกบคู่นางเอกคิวทอง "แมท-ภีรนีย์" ที่มาแต่งองค์ทรงเครื่อง ชุดไทยสมัยโบราณ แบบจัดเต็มกันเลยทีเดียว

ข้าบดินทร์

"ข้าบดินทร์" บทประพันธ์ของ วรรณวรรธน์ กำกับการแสดงโดย อรรถพร ธีมากร บทโทรทัศน์ เอกลิขิต งานนี้บอสใหญ่ "พี่ปิ่น ณัฏฐนันท์" ยังทุ่มทุนสร้างฉากสวย ๆ ที่ใช้ในการถ่ายทำ เก็บมาฝากให้แฟน ๆ ได้ชมกันอย่างจุใจ และยังได้นำทัพนักแสดงมากความสามารถ มาร่วมสร้างความสนุกสนาน ไม่ว่าจะเป็น มณีรัตน์ ศรีจรูญ, โชคชัย บุญวรเมธี,จักรกฤษณ์ อำมะรัตน์, จินตหรา สุขพัฒน์, ดิลก ทองวัฒนา, สาวิตรี สามิภักดิ์, อภินันท์ ประเสริฐวัฒนกุล, ดนัย จารุจินดา, อรรถพร ธีมากร, ชุมพร เทพพิทักษ์ ฯลฯ

"พี่ปิ่น ณัฏฐนันท์" พูดถึงละครเรื่องนี้ว่า "ข้าบดินทร์ เป็นละครพีเรียดที่หนักพอสมควร เพราะด้วยโลเกชั่นต่าง ๆ เราก็ต้องไปถ่ายทำกันตามต่างจังหวัดก็จะดูลำบากกันนิดหนึ่ง และอีกอย่างเรื่องนี้จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับช้าง ซึ่งมันก็ค่อนข้างหนักอยู่แต่สำหรับพี่ พี่ก็เต็มที่นะ เพราะพี่ต้องการให้มันออกมาดูดีที่สุด ด้วยเนื้อเรื่องที่ค่อนข้างชัดเจน ทั้งโรแมนติก ดราม่า คือ เป็นละครพีเรียดที่มีครบทุกองค์ประกอบแล้วมารวมอยู่ในข้าบดินทร์ พี่บอกเลยว่าแฟน ๆ ละครพ่อเหมกับแม่ลำดวนต้องดู งานนี้มีน้ำตาไหลแน่"

ข้าบดินทร์

ด้าน "หนุ่มเจมส์ มาร์" เผยว่า "ในเรื่องเล่นเป็นทหาร ด้วยบทหรือตัวละครที่คนคนนี้ต้องเจอผมว่ามันเป็นอะไรที่ยากคือต้องมีติดคุกด้วย เป็นละครที่สะท้อนถึงความรักชาติ เป็นคนทำงานเพื่อชาติ คือผมว่าต้องดูนะครับรับรองสนุกแน่นอน"

นางเอกสาว "แมท ภีรนีย์" เผยว่า "แมทได้อ่านนิยายแล้วก็ต้องยอมรับว่ามันค่อนข้างจะไกลตัวมากไม่ใช่แมทเลย นึกภาพตัวเองเป็นลำดวนไม่ออกเลย นึกน้ำเสียงท่าทางการเดินไม่ออกพอยิ่งไปเข้าฉากวันแรกมันก็ยิ่งกดดัน วันแรกถ่ายหลายเทคมาก พูดยากขยับตัวยากทำอะไรยากทุกอย่าง แต่ว่าก็อยากให้เปิดใจรับ เพราะว่าเจมส์กับแมทตั้งใจมากค่ะ"

ข้าบดินทร์

แฟนละครอย่าพลาดเชียว! ติดตามชมละคร "ข้าบดินทร์" ทุกวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ เวลา 20.15-22.30 น. ทางช่อง 3

วันเสาร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

2คนร้าย ย่องงัดตู้บริจาคตำรวจเช็คภาพจาก กล้องจิ๋ว

กล้องจิ๋ว

2คนร้าย อุกอาจ! ตระเวณงัดตู้บริจาค 3 วัด ในอ.สามโคก จ.ปทุมธานี รวดเดียว 15 ตู้ ก่อนหลบหนีลอยนวล

เกิดเหตุคนร้ายตะเวนงัดตู้บริจาครวดเดียว 15 ตู้ 3 วัดริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันออก อ.สามโคก จ.ปทุมธานี หนึ่งในนั้นคือวัดบัวทอง ถูกคนร้ายงัดตู้บริจาคไป 9 ตู้ และเงินบริจาคที่เสียบไว้ที่ต้นผ้าป่าเต็มต้นหายไปทั้งหมด จากการสอบถาม พระนพพล สุดสะอาด พระลูกวัด กล่าวว่า ที่วัดบัวทองมี กล้องจิ๋ว ติดไว้รอบวัด เนื่องจากหลายปีก่อนวัดเคยถูกคนร้ายงัดตู้บริจาคเช่นนี้มาแล้ว

จากการตรวจสอบ กล้องจิ๋ว พบว่า มีคนร้าย 2 คน พกพาอาวุธปืน 1 กระบอก เข้ามางัดตู้บริจาค และนำเงินหลบหนีไป โดยทำแบบเดียวกันนี้ทั้ง 3 วัด ได้แก่ วัดอัมพุวราราม วัดสองพี่น้อง และวัดบัวทอง ซึ่งคนร้ายได้งัดตู้บริจาคไปรวมทั้งสิ้น 15 ตู้ หลังการตรวจสอบกล้องจิ๋ว เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งจับตัวคนร้ายมาดำเนินคดี

The Ideal City

The Ideal City
The Ideal City


เรื่องย่อ The Ideal City

ภาพยนตร์ตลกดราม่าที่มีฉากหลังอยู่ที่ Siena เมื่อสถาปนิกผู้ประสบความสำเร็จและนักนิเวศวิทยาผู้กระตือรือร้นต้องเข้าไปมีเอี่ยวกับเหตุการณ์อันลึกลับที่เกิดขึ้นภายหลังจากอุบัติเหตุรถยนต์อันจิ้บจ้อย

The Ideal City
รูปจากในภาพยนต์ The Ideal City

ผู้กำกับ : Luigi Lo Cascio
นักแสดง : Luigi Lo Cascio, Catrinel Marlon, Massimo Foschi

ตัวอย่างภาพยนต์ The Ideal City


เข้าฉาย 3 มิถุนายน นี้ ทุกโรงภาพยนต์

Leopardi - The Wonderful Boy

Leopardi The Wonderful Boy
Leopardi - The Wonderful Boy


เรื่องย่อ Leopardi - The Wonderful Boy

ภาพยนตร์ดราม่าเชิงประวัติศาสตร์ที่จะพาไปสำรวจชีวิตของนักกวีและนักปรัชญาคนดังอย่าง Giacomo Leopardi ผู้สร้างสรรค์บทกวีโรแมนติกแห่งศตวรรษที่ 19 ด้วยลีลาการเขียนที่ตราตรึงและซาบซึ้งจนได้รับการกล่าวขานว่าเป็น "บทกวีอมตะแห่งยุค" ด้วย

คลิปตัวอย่างภาพยนต์ Leopardi - The Wonderful Boy



เข้าฉาย 2  มิถุนายนนี้ ทุกโรงภาพยนต์

วันศุกร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

AXIS เปิดตัวโมบายแอพพลิเคชั่น กล้อง IP Camera

กล้อง IP Camera

แอ็กซิส คอมมูนิเคชั่นส์ ผู้นำระดับโลกในด้าน กล้อง IP Camera เปิดตัวโมบายแอพพลิเคชั่น สำหรับอุปกรณ์พกพา Apple iPhone และ Android ใช้งานร่วมกับ AXIS Camera Companion และวิดีโอโฮสต์ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถดูภาพได้แบบ Real time และยังสามารถดูภาพวิดีโอที่บันทึกไว้ได้จากทุกตำแหน่งที่ตั้งภายในระบบตรวจการณ์ โดยจะมีไทม์ไลน์ที่แจ้งเตือนเกี่ยวกับเหตุการณ์สำคัญ และเปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานตอบสนองกับเหตุการณ์ฉุกเฉินได้ทันที นอกจากนี้ ยังสามารถจัดเก็บภาพถ่ายและวิดีโอที่น่าสนใจไว้บนอุปกรณ์พกพา และแชร์ได้ตามต้องการอีกด้วย

การเข้าถึงภาพจาก กล้อง IP Camera ความละเอียดสูงได้อย่างง่ายดาย ด้วยการเชื่อมต่อผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ระยะไกลช่วยให้ลูกค้ามีเครื่องมือที่จะช่วยให้คุ้มครอง และตรวจสอบการดำเนินงานได้จากทุกที่ทุกเวลา

แชร์ว่อน สุรินทร์ โตทับเที่ยง ชี้แจงปัดทำการปรปักษ์พี่น้อง และจะฟ้องแก่ผู้ทำความเสียหาย

สุรินทร์ โตทับเที่ยง

แชร์ว่อน ห้าม 'สุรินทร์' ใช้นามสกุล 'โตทับเที่ยง' ด้านเสี่ยคนดังให้ทนายร่อนหนังสือแจง ปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด ปัดเป็นปรปักษ์พี่น้อง ลั่นฟ้องแพ่ง-อาญา ผู้เกี่ยวข้องทำให้เสียชื่อเสียง ...

วันนี้ 28 พ.ค. 58 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า ได้มีการเผยแพร่ประกาศ ไม่ให้นายสุรินทร์ โตทับเที่ยง และครอบครัวสายตรงของนายสุรินทร์ ใช้นามสกุล โตทับเที่ยง โดยได้มีการส่งต่อประกาศดังกล่าว ผ่านทางแอพพลิเคชั่นไลน์กันอย่างกว้างขวาง โดยในท้ายประกาศดังกล่าวระบุว่า ด้วยข้าพเจ้า นายสุธรรม โตทับเที่ยง พี่ชายคนโต เจ้าของนามสกุล “โตทับเที่ยง” และพี่น้องลูกหลานที่ได้รับอนุญาตให้ใช้นามสกุล โตทับเที่ยง มาตั้งแต่ พ.ศ.2514 ซึ่งที่ผ่านมาพี่น้องผู้ร่วมใช้นามสกุล มีความสุขความเจริญมาจนมีลูกหลาน 3 ช่วงอายุคนแล้ว จวบจนประมาณ ปี 2556 นายสุรินทร์กับพวกได้กระทำการอันเป็นปรปักษ์ กับการเป็นพี่น้องผู้เกิดร่วมท้องใช้นามสกุล โตทับเที่ยง ทำให้พี่น้องเดือดร้อน ถูกดูถูก เกลียดชัง จากผู้ที่ได้รู้เห็นปัญหาที่นายสุรินทร์กับพวกก่อให้เกิดขึ้น ความรัก และความปรองดองในหมู่พี่น้องต้องถูกทำลาย และเหตุผลสำคัญอีกมากมาย

“ด้วยเหตุและผลดังได้แถลงมาแล้ว ตนและเครือญาติทุกคน จึงมีมติ “ห้าม” มิให้ นายสุรินทร์ และครอบครัวสายตรงของนายสุรินทร์ ใช้นามสกุล โตทับเที่ยง นับแต่วันที่ประกาศนี้เป็นต้นไป และตนจะได้ดำเนินการตามสิทธิเพื่อเพิกถอนการใช้นามสกุล โตทับเที่ยง ของนายสุรินทร์และครอบครัวสายตรงของนายสุรินทร์ต่อไป ลงชื่อ นายสุธรรม โตทับเที่ยง ลงวันที่ 28 พฤษภาคม 2558”

หลังจากได้รับข้อความดังกล่าว ผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อไปยัง นายสุรินทร์ โตทับเที่ยง เพื่อสอบถามข้อเท็จจริง โดยได้รับการปฏิเสธ และมีการมอบหมายให้ นายสุธี ผ่องไพบูลย์ ทนายความผู้รับมอบอำนาจ ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงแทน โดยได้มีการทำเอกสารชี้แจง เลขที่ 0440/2558 ลงวันที่ 28 พฤษภาคม 2558 ระบุว่า เรื่อง การใช้สิทธิไม่สุจริต กรณีขอให้เปลี่ยนนามสกุล เรียนคุณสุธรรม โตทับเที่ยง อ้างถึง หนังสือของคุณสุธรรม โตทับเที่ยง ฉบับลงวันที่ 25 พฤษภาคม 2558 เรื่องขอให้เปลี่ยนนามสกุล

ตามที่ท่านได้มีหนังสือถึงนายสุรินทร์ โตทับเที่ยง ระบุว่า คุณสุรินทร์ ได้ทำการเป็นปรปักษ์กับท่านและพี่น้องร่วมใช้นามสกุล “โตทับเที่ยง” ท่านและพี่น้องร่วมสายโลหิตจึงได้มีมติร่วมกันว่า ไม่ประสงค์ให้นายสุรินทร์ และครอบครัวสายตรงใช้นามสกุลโตทับเที่ยงอีกต่อไป โดยขอให้เปลี่ยนการใช้นามสกุลโตทับเที่ยง ภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือ ดังรายละเอียดปรากฏตามหนังสือของท่านที่อ้างถึงนั้น

ตนในฐานะทนายความผู้รับมอบอำนาจจาก นายสุรินทร์ โตทับเที่ยง ขอเรียนให้ทราบว่า นายสุรินทร์ ขอปฏิเสธข้อกล่าวอ้างตามหนังสือของท่านที่ระบุว่า นายสุรินทร์ กระทำการเป็นปรปักษ์กับท่านและพี่น้องร่วมใช้นามสกุล ทั้งนี้ คุณสุรินทร์ ขอเรียนยืนยัน มายังท่านและพี่น้องร่วมใช้นามสกุลทุกคนว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา นายสุรินทร์ ได้กระทำในสิ่งที่ถูกต้องตามกฎหมายเพื่อปกป้องธุรกิจที่ครอบครัวโตทับเที่ยงมีส่วนเกี่ยวข้อง กับทั้งให้เกียรติ และเคารพรักพี่น้องร่วมสายโลหิตทุกคนมาโดยตลอด ดังนั้น นายสุรินทร์ จึงไม่อาจยอมรับต่อข้อเรียกร้องของนายสุธรรม

ขณะเดียวกัน นายสุรินทร์ ทราบมาว่า ได้มีการนำจดหมายฉบับที่อ้างถึงเผยแพร่ต่อพนักงานของบริษัท ผลิตภัณฑ์อาหารกว้างไพศาล จำกัด (มหาชน) หรือ รู้จักกันในนาม "ปุ้มปุ้ย" และบุคคลทั่วไปอย่างกว้างขวาง ทั้งเป็นการเผยแพร่โดยใช้เอกสาร และเป็นการนำข้อความเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ในประการที่ทำให้ นายสุรินทร์ และครอบครัวเสียหาย เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง นายสุรินทร์ จึงขอให้ท่านและผู้ที่เกี่ยวข้องยุติการดำเนินการในทันที มิฉะนั้น ก็มีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย ทั้งทางแพ่งและทางอาญากับท่านและผู้เกี่ยวข้องต่อไป ลงชื่อ นายสุธี ผ่องไพบูลย์ ทนายความผู้รับมอบอำนาจ

CR : http://www.thairath.co.th/content/501749

อดีตรัฐมนตรีพาณิชย์ ไชยา สะสมทรัพย์ โดนค้นบ้าน โยงเกี่ยวเนื่องคดีอาชญากรรม


ตำรวจคอมมานโดบุกค้นบ้าน "ไชยา สะสมทรัพย์" อดีตรัฐมนตรีพาณิชย์ ยึดปืนกระสุน เสื้อเกาะ เร่งสอบโยงคดีอาชญากรรมในพื้นที่นครปฐม

พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รองผู้บังคับการปราบปราม รักษาราชการแทนผู้บังคับการปราบปราม นำกำลังตำรวจกองปราบพร้อมหน่วยคอมมานโดกว่า 20 นาย บุกค้นบ้านพัก นายไชยา สะสมทรัพย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และพื้นที่อื่นๆ รวม 13 จุด ใน จ.นครปฐม ตั้งแต่ช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา

ไชยา สะสมทรัพย์

จากการตรวจค้นเบื้องต้น เจ้าหน้าที่พบอาวุธปืน และกระสุนปืนจำนวนมาก วิทยุสื่อสาร และเสื้อเกราะของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1 ตัว ได้นำไปตรวจสอบแล้วว่ามีไว้ในครอบครองโดยถูกกฎหมายหรือไม่ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้เชิญ นายไชยา มาพูดคุย แต่ยังไม่มีการควบคุมตัวหรือแจ้งข้อกล่าวหาแต่อย่างใด

ไชยา สะสมทรัพย์

อย่างไรก็ตาม สำหรับการตรวจค้นในครั้งนี้ สืบเนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาเกิดคดีอาชญากรรมในพื้นที่ จ.นครปฐม หลายคดี มีการย้ายนายตำรวจไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ ศปก.ตร. และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มอบหมายให้กองบังคับการปราบปราม เข้ามาช่วยเร่งรัดคดีดังกล่าว

ไชยา สะสมทรัพย์

ส่วนการค้นบ้าน นายไชยา ครั้งนี้ เนื่องจากตำรวจมีข้อมูลว่ามีบุคคลใกล้ตัวของ นายไชยา สะสมทรัพย์ มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีที่เกิดขึ้น ประกอบกับ นายไชยา เป็นผู้กว้างขวางในพื้นที่และเคยถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับอาวุธปืนรวมกว่า 20 คดี

วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

เตรียมงาน กล้องจิ๋ว

กล้องจิ๋ว

จะว่าว่างก็ไม่ว่างซะทีเดียวสำหรับการทำหน้าที่ของ กกต. แต่ช่วงนี้งานหนักๆยังมาไม่ถึง สมชัย ศรีสุทธิยากร จึงลงทุนควักกระเป๋าเกือบครึ่งแสน

ซื้อของเล่นใหม่อีกสักชิ้น เป็น กล้องจิ๋ว แต่จี๊ดยี่ห้อดัง

ราคา กล้องจิ๋ว ตัวใหม่เรียกว่าจิ๊บๆขนหน้าแข้งไม่ถึงกับร่วง เพราะว่าที่มีในคอลเลกชั่นมีตั้งแต่หลักแสน รวมหลายตัวก็น้องๆล้าน

กล้องจิ๋วตัวใหม่ถือว่าราคาก็พอตัว แต่ทว่าโปรโมชั่นตาม มาเรียกว่าคุ้มสุดคุ้ม เพราะทางร้านจัด "คืนความสุข" พาลูกค้า ไปเทสต์กล้องจิ๋วถึงพัทยาแบบ One Day Trip ขึ้นเรือยอชต์

หามุมถ่ายภาพ

แต่ไฮไลต์การไปทะเลถ้าขาดบีกินีคงจะทำให้ทะเลจืด จึงมีนางแบบจากนิตยสารดังมาโพสท่าให้กดชัตเตอร์รัวๆ เน้นพอร์ตเทรต ซูมดูมๆ ทำทะเลร้อนฉ่า อุณหภูมิพุ่งปรี๊ด เลือดกำเดาแทบไหล

"อาจารย์สมชัย" กดชัตเตอร์รัวๆส่งรูปเข้าประกวด เกือบซิวรางวัลที่ 1

หมดโปรแล้วต้องวางกล้องจิ๋ว เตรียมงานประชามติ!!!

ดูละคร กลกิโมโน ย้อนหลังพร้อมเรื่องย่อตั้งแต่ต้นจนจบเรื่อง

กลกิโมโน
กลกิโมโน

เรื่องย่อ กลกิโมโน ตอนที่ 1

กลกิโมโนย้อนหลัง – ณ เมืองสึกิ เกิดพายุหิมะถล่มครั้งยิ่งใหญ่ นี่ไม่ใช่ภัยธรรมชาติธรรมดา แต่เป็นฝีมือของ นางปีศาจหิมะ โกรธแค้น โฮชิ เทพเจ้านกกระเรียนที่ไม่ยอมรับรักเธอ นางปีศาจหิมะต้องการให้โฮชิเห็นประชาชนในเมืองที่โฮชิรักต้องมีอันเป็นไปต่อหน้าต่อตา โฮชิต่อสู้กับนางปีศาจหิมะจนสามารถช่วยประชาชนได้สำเร็จ แต่การต่อสู้ทำให้กิโมโนของโฮชิขาดวิ่น โฮชิกลับสวรรค์ไปไม่ได้ต้องติดค้างอยู่บนโลกมนุษย์ เขาจึงต้องพรากจาก เมียวโจ คนรักที่อยู่บนสวรรค์ โฮชิเฝ้าคิดถึงเธออยู่ทุกลมหายใจ และเชื่อว่าเธอเองก็คิดถึงเขาอยู่เช่นกัน โฮชิมั่นใจว่าสักวันจะได้พบกับคนรักสาวอีกครั้ง ไม่ว่านานแค่ไหนเขาก็จะรอ



เรื่องย่อ กลกิโมโน ตอนที่ 2

กลกิโมโนย้อนหลัง – ณ เมืองสึกิ เกิดพายุหิมะถล่มครั้งยิ่งใหญ่ นี่ไม่ใช่ภัยธรรมชาติธรรมดา แต่เป็นฝีมือของ นางปีศาจหิมะ โกรธแค้น โฮชิ เทพเจ้านกกระเรียนที่ไม่ยอมรับรักเธอ นางปีศาจหิมะต้องการให้โฮชิเห็นประชาชนในเมืองที่โฮชิรักต้องมีอันเป็นไปต่อหน้าต่อตา โฮชิต่อสู้กับนางปีศาจหิมะจนสามารถช่วยประชาชนได้สำเร็จ แต่การต่อสู้ทำให้กิโมโนของโฮชิขาดวิ่น โฮชิกลับสวรรค์ไปไม่ได้ต้องติดค้างอยู่บนโลกมนุษย์ เขาจึงต้องพรากจาก เมียวโจ คนรักที่อยู่บนสวรรค์ โฮชิเฝ้าคิดถึงเธออยู่ทุกลมหายใจ และเชื่อว่าเธอเองก็คิดถึงเขาอยู่เช่นกัน โฮชิมั่นใจว่าสักวันจะได้พบกับคนรักสาวอีกครั้ง ไม่ว่านานแค่ไหนเขาก็จะรอ



เรื่องย่อ กลกิโมโน ตอนที่ 3

กลกิโมโนย้อนหลัง – ณ เมืองสึกิ เกิดพายุหิมะถล่มครั้งยิ่งใหญ่ นี่ไม่ใช่ภัยธรรมชาติธรรมดา แต่เป็นฝีมือของ นางปีศาจหิมะ โกรธแค้น โฮชิ เทพเจ้านกกระเรียนที่ไม่ยอมรับรักเธอ นางปีศาจหิมะต้องการให้โฮชิเห็นประชาชนในเมืองที่โฮชิรักต้องมีอันเป็นไปต่อหน้าต่อตา โฮชิต่อสู้กับนางปีศาจหิมะจนสามารถช่วยประชาชนได้สำเร็จ แต่การต่อสู้ทำให้กิโมโนของโฮชิขาดวิ่น โฮชิกลับสวรรค์ไปไม่ได้ต้องติดค้างอยู่บนโลกมนุษย์ เขาจึงต้องพรากจาก เมียวโจ คนรักที่อยู่บนสวรรค์ โฮชิเฝ้าคิดถึงเธออยู่ทุกลมหายใจ และเชื่อว่าเธอเองก็คิดถึงเขาอยู่เช่นกัน โฮชิมั่นใจว่าสักวันจะได้พบกับคนรักสาวอีกครั้ง ไม่ว่านานแค่ไหนเขาก็จะรอ




เรื่องย่อ กลกิโมโน ตอนที่ 4

กลกิโมโนย้อนหลัง – หลังจากที่ปีศาจหิมะ ได้หลุดออกมาจากอำนาจมนต์สะกด ก็ได้เข้าไปสิงสู่อยู่ในร่างของ "ยูกิ" (น้ำผึ้ง-ณัฐริกา) ที่จะใช้ร่างกายและใบหน้าที่สวยงามนี้ตามหาท่านชายโฮชิ(พี่เบิร์ด-ธงชัย) ชายผู้เป็นสุดที่รักของตนเอง และในขณะเดียวกันนั้น มาโกโตะ(เอ็ม-อภินันท์) ได้สั่งให้ลูกน้องไปฆ่ายูกิเพื่อที่จะปิดปาก แต่ยูกิไม่ใช่ยูกิคนเดิมต่อไปอีกแล้ว จึงทำให้เกิดเหตุการณ์ต่อสู้ที่น่ากลัวและน่าสยดสยองเป็นอย่างมาก แต่ในขณะอีกด้านนึง ก็ได้เกิดความผิดปกติของร่างกาย ฮิเดะ (ต่าย-นัฐฐพนท์) ที่มีพละกำลังที่มากขึ้น ประสาทการรับรู้ และความรวดเร็วก็ได้เพิ่มมากขึ้นกว่าคนปกติทั่วไปอย่างมาก จนกระทั่งคืนหนึ่ง ฮิเดะ ได้ถูกพลังของปีศาจจิ้งจอกที่อยู่ในร่างกายคลอบงำจนกลายร่างเป็น "ปีศาจสุนัขจิ้งจอก" ที่มีลูกตาสีส้ม ลูกตาดำเป็นเส้นบางๆเหมือนดวงตาของสัตว์เดรัจฉาน ออกมาอาละวาดในเมืองสึกิ และได้ไปเจอเข้ากับ รินดารา (ชมพู่-อารยา) จึงหวังคิดที่จะทำร้าย(รินดาราพาอายูมิมาเที่ยวเล่นในเมืองสึกิ) แต่โชคดีที่ได้ท่านชายโฮชิเข้ามาช่วยไว้ได้ทัน จึงทำให้ไม่เกิดเรื่องร้ายเกิดชึ้นกับรินดารา ส่วนทางด้านปีศาจจิ้งจอกก็ได้หนีหายไป หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ สุนัขจิ้งจอกออกมาอาละวาด ทางตระกูล"โคซึกะ" จึงได้มาพูดคุยถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ฮิเดะเองได้ฟังข่าวคราวนั้น จึงได้สารภาพว่าสุนัขจิ้งจอกตัวนั้นคือตนเอง แต่ไม่สามารถที่จะควบคุมสติและร่างกายตัวเองได้ เมื่อไดซุเกะ (หมู-ดิลก) รู้อย่างนั้น จึงได้สั่งให้ฮิเดะ ฝึกควบคุมพลังปีศาจจิ้งจอกที่อยู่ในร่างกาย เพื่อหวังที่จะใช้พลังอำนาจนี้มาทำลายตระกูลมิยาคาวะ และอีกทางด้านหนึ่ง หลังจากที่ปีศาจหิมะที่ได้สิงอยู่ในร่างของยูกิ ได้เข้ามาครอบงำและคอยบงการมาโกโตะแล้ว ได้พากันออกตามหาข่าวและสืบหาข้อมูลเกี่ยวกับท่านชายโฮชิ จนกระทั่งปีศาจหิมะ(ในร่างยูกิ) ได้มาพบท่านชายโฮชิในงาน "ทานาบาตะ" (งานเทศกาลประจำปีของประเทศญี่ปุ่น ซึ่ง ท่านชายโฮชิ อาคิระ รินดารา และอายูมิ ได้มาเดินเที่ยวเล่นในงานนี้) ปีศาจหิมะก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่ได้รู้ว่า ชายผู้เป็นที่รักของตนยังคงอยู่ และได้อาศัยอยู่ภายในเมืองสึกิแห่งนี้…




เรื่องย่อ กลกิโมโน ตอนที่ 5

กลกิโมโนย้อนหลัง – หลังจากที่ ไดซุเกะ (หมู-ดิลก) และ ฮิเดะ (ต่าย-นัฐพนท์) รู้ว่าพลังปีศาจจิ้งจอกได้สถิตอยู่ในร่างกายของฮิเดะคอยที่จะควบคุมและหวังที่จะกลืนกินร่างมนุษย์ของฮิเดะ ไดซุเกะจึงได้ใช้ “เข็มสักยันต์”เพื่อที่จะสะกดพลังของปีศาจจิ้งจอกไม่ให้แสดงออกมาในยามที่ไม่ต้องการ และได้สั่งให้ฮิเดะฝึกควบคุมพลังนี้ด้วยสติและหัวใจที่แข็งแกร่ง จนกระทั่งฮิเดะค่อยๆสามารถควบคุมพลังนี้ได้ทีละนิดทีละน้อยและตัวฮิเดะเองรู้สึกภาคภูมิใจในพลังนี้เป็นอย่างมาก… และหลังจากที่ปีศาจหิมะ(น้ำผึ้ง-ณัฐริกา) ได้รู้ว่าเทพเจ้านกกระเรียน (พี่เบิร์ด-ธงชัย )ยังคงอยู่และได้อาศัยอยู่ภายบนหอคอยของตระกูลมิยาคาวะจึงได้สั่งให้ มาโกโตะ(เอ็ม-อภินันท์ )ทำทุกวิธีทางที่จะนำตัว ย่ามิกิ (แหม่ม-จินตหรา) มาพบเธอให้ได้ เพราะย่ามิกิเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถเข้าพบและพูดคุยกับท่านชายโฮชิได้ มาโกโตะ จึงได้ขอให้ ริเอะ(ดิว-อริสรา) ลูกสาวของตนเองมาช่วยในภารกิจครั้งนี้ โดยริเอะได้ใช้กลลวง หลอกอาคิระ(เคน-ภูภูมิ)และย่ามิกิ ว่าเพื่อนของคุณพ่อต้องการกิโมโนที่ทอจากฝีมือของคุณย่าเท่านั้นและเขายินดีที่จ่ายไม่อั้นเพราะเค้ารู้ว่าคุณย่ามิกิเป็นคนที่เห็นคุณค่าของกิโมโนมากที่สุด และถ้าเป็นฝีมือการทอผ้ากิโมโนของคุณย่ามิกิ จะต้องออกมางดงามไม่มีใครเทียบได้อย่างแน่นอน… จนสุดท้ายย่ามิกิก็ยอมรับข้อตกลงที่จะทอผ้ากิโมโนให้ ย่ามิกิจึงได้มายังบ้านของมาโกโตะ และเมื่อปีศาจหิมะได้พบกับย่ามิกิแล้ว ยูกิ(ปีศาจหิมะ) ได้ใช้กลลวงจนสามารถใช้พลังของตน สะกดจิต ย่ามิกิให้สามารถพูดหรือคิดและทำตามที่ตนเองต้องการ เพื่อหวังที่จะใช้ย่ามิกิเป็นคนกลางที่จะนัดให้ท่านชายโฮชิออกมาจากหอคอย เพื่อมาพบกับตนเองตามแผนที่ปีศาจหิมะได้คิดเอาไว้ และไม่เพียงแค่นี้ปีศาจหิมะ คิดที่จะใช้ร่างยูกิเป็นตัวแทนและจะทำทุกวิถีทางที่จะทำให้ท่านชายโฮชิมาหลงรักตนเองในร่างยูกินี้… ส่วนทางด้านฮิเดะ ได้สั่งให้ ฮิโตชิ (น้องแม็ค-ณัฐพัชร์) และผีคอยาว ออกไปจัดการ รินดารา ถึงคฤหาสน์มิยาคาวะ แต่รินดารายังโชคดีที่ได้เหรียญเซโมริและพลังบริสุทธิ์ของเทพเจ้านกกระเรียนช่วยเอาไว้ จึงทำให้ผีทั้งสองตนได้หนีหายไป…



เรื่องย่อ กลกิโมโน ตอนที่ 6

กลกิโมโนย้อนหลัง – หลังจากที่ท่านชายโฮชิ (พี่เบิร์ด-ธงไชย) ได้ไปพบ ยูกิ (น้ำผึ่ง-ณัฐริกา) ตามคำขอของ ย่ามิกิ (แหม่ม-จินตหรา)แล้วนั้น ท่านชายโฮชิก็รู้สึกผิดปกติและเคลือบแคลงสงสัยในตัวยูกิเป็นอย่างมาก ท่านชายโฮชิจึงได้วางแผนพิสูจน์ข้อสงสัยด้วยการ ให้ ย่ามิกิ ช่วยนัดยูกิออกมาพบกันอีกครั้ง และหลังจากที่ยูกิได้ทราบว่าท่านชายโฮชิต้องการจะพบกับเธออีกครั้ง เลยรู้สึกดีใจและหลงคิดว่าท่านชายโฮชิ รู้สึกชอบตนเองขึ้นมาแล้วโดยไม่คาดคิดว่าเป็นแผนของท่านชาย เมื่อทั้งสองได้มาพบกัน ณ สวนไร่ชา (Keishuen Garden in SaGa) ท่านชายโฮชิได้ชวนยูกิเดินชมสวนชาและได้ชักชวนยูกิมายังสถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งสถานทีแห่งนั้นก็คือ ศาลเจ้ายูโทคุ (Yutoku Inari Shrine in Saga) ศาจเจ้าศักดิ์สิทธิ์ที่มี “เสาโทริอิ” ซึ่งเป็นเขตกั้นไม่ให้สิ่งชั่วร้ายเข้าไปในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ ซึ่งตัวท่านชายโฮชิเอง ได้แอบสังเกตุพฤติกรรมและอาการของยูกิอยู่ตลอด โดยที่ตัวยูกิก็ยินยอมที่จะเดินตามท่านชายโฮชิเข้าไปยังในสถานที่แห่งนี้ เพื่อที่จะปกปิดความลับของตนเองไม่ให้ท่านชายโฮชิได้รู้ เมื่อยูกิเข้ามายังสถานที่แห่งนี้ก็รู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวทุกข์ทรมาน แต่ก็ได้แต่เก็บกลั้นความรู้สึกเหล่านั้นเอาไว้เพื่อที่จะไม่ให้ความลับของเธอที่เป็นนางปีศาจหิมะ เปิดเผย ด้านท่านชายโฮชิที่กำลังเพ่งเล็งพฤติกรรมของยูกิอยู่นั้น ก็ยังไม่คลายความสงสัย จึงชวนยูกิให้มาไหว้สักการะ เทพเจ้าด้วยกัน ซึ่งการจะไหว้เทพเจ้าแห่งนี้ จะต้องทำตามพิธีกรรมตามธรรมเนียมเสียก่อน นั่นก็คือจะต้องไปล้างมือที่บ่อน้ำศักด์สิทธิ์ และโยนเหรียญ 5 เยน ลงกล่องแล้วหลังจากนั้นจะต้องดึงเชือกเพื่อสั่นกระดิ่งเพื่อเรียกเทพเจ้าและค่อยตบมือ 2 ครั้งเพื่อเป็นเสร็จพิธีกรรม ถึงจะขึ้นไปสักการะขอพรจากเทพเจ้าได้นั้นเอง ซึ่งในขณะที่ยูกิทำตามพิธีกรรมเหล่านั้นอยู่นั้น ก็รู้สึกปวดแสบปวดร้อนเหมือนร่างกายจะฉีกออกจากกัน แก้วหูแถบจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เลือดกำเดาของยูกิก็ค่อยๆ ไหลออกมา ยูกิเลยต้องปิดบังด้วยการหันหลังให้กับท่านชาย ทำให้โฮชิไม่เห็นเลือดที่ไหลออกมา ยูกิเมื่อรู้ตัวเองแล้วว่าร่างกายของตนจะทนสถานที่แห่งนี้ไม่ไหวอีกแล้ว จึงได้ใช้พลังของตนเองสะกิดจิต นักท่องเที่ยวคนหนึ่งในบริเวณนั้น ให้ทำท่าทีเข้ามาเดินชนตนเองและกระชากกระเป๋าถือไป เมื่อท่านชายโฮชิได้รู้ว่ากระเป๋าของยูกิได้ถูกขโมยไปจึงได้พาตัวยูกิไปหาตำรวจเพื่อแจ้งความ เหตุการณ์นี้จึงได้ทำให้ ยูกิรอดพ้นจากแผนการพิสูจน์ของท่านชายโฮชิไปได้อย่างหวุดหวิดแต่ผลกระทบที่ตามมา ก็ได้ทำให้ยูกิได้รับบาดเจ็บปางตาย ร่างกายปวดแสบปวดร้อนทุกข์ทรมาน ส่วนทางด้านท่านชายโฮชิ ก็คลายความสงสัยเรื่องที่ยูกิคือปีศาจหิมะ ทางด้าน รินดารา (ชมพู่-อารยา) ซึ่งไปได้ยินคำบอกเล่าต่างๆนา เกี่ยวกับตำนาน ผู้ชายปริศนาของตระกูล มิยาคาวะ จนกระทั้งวันหนึ่ง รินดาราได้เป็นเห็นรูปภาพรูปหนึ่งซึ่งเป็นภาพเหตุการณ์การเกิดโรคระบาดที่เมืองสึกิเมื่อ 50 ปีก่อนซึ่งภายในรูปนั้นได้มีชายคนหนึ่งซึ่งมีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับท่านชายโฮชิอย่างไม่มีผิดเพี้ยน จึงได้ทำให้รินดาราสงสัยในตัว ท่านชายโฮชิเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก



เรื่องย่อ กลกิโมโน ตอนที่ 7

กลกิโมโนย้อนหลัง – หลังจากที่รินดารา(ชมพู่-อารยา) เคลือบแคลงสงสัยในตัวท่านชายโฮชิ(พี่เบิร์ด-ธงไชย) จึงได้ชวนท่านชายโฮชิและย่ามิกิ (แหม่ม-จินตหรา) มายังร้านนวดโบราณแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นที่ๆเดียวกันกับ ที่รินดาราได้เห็นภาพของชายผู้หนึ่งที่มีหน้าตาคล้ายคลึงกับท่านชายโฮชินั้นจากชายแก่ผู้หนึ่งที่มีชื่อว่า “เคนตะ” ครั้นเมื่อ 50 ปีก่อนเคนตะได้เคยพบกับท่านชายโฮชิมาแล้วครั้งหนึ่ง ซี่งรินดาราและเพื่อนสาวได้ถามกับเคนตะผู้นี้ว่า เคยรู้จักกับท่านชายโฮชิหรือไม่ โดยที่ท่านชายโฮชิและย่ามิกิ มิได้ทันตั้งตัวมาก่อน และในระหว่างที่เคนตะ กำลังนึกถึงความหลังในอดีตอยู่นั้นจู่ๆ ก็เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น โรคหัวใจของชายแก่ได้กำเริบขึ้น ชายแก่ที่กำลังทุกข์ทรมานอยู่นั้นได้เพ่งมองไปยังท่านชายโฮชิและกุมมือของท่านชายโฮชิ และพูดออกมาด้วยเสียงที่ทุรนทุรายว่า “คุณจริงๆด้วยคุณจำผมได้ไหม.. ทำไมคุณถึงไม่เปลี่ยนไปเลย..” โฮชิเห็นชายที่กำลังจะตายทุรนทุรายต่อหน้าตนเอง และกำลังพูดกับตนเองเป็นครั้งสุดท้ายจึงได้แต่สารภาพออกไปว่า “ผมจำได้” และสุดท้ายก่อนที่ชายแก่ผู้นี้จะสิ้นลมหายใจได้หลุดพูดคำๆนึงออกมาอย่างแพ่วเบาว่า “เทพเจ้า” ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ รินดาราได้อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดจึงได้ทำ รินดารารู้สึกแปลกใจและตกใจเป็นอย่างมาก ส่วนทางด้านตระกูลโคซึกะ ไดซุเกะ (หมู-ดิลก )และ ฮิเดะ(ต่าย-นัฐฐพนธ์) ได้รู้เรื่องถึงการหลุดจองจำของปีศาจหิมะแล้ว สืบเนื่องจากเหตุการณ์ปะทะกันของ ฮิเดะ และ ยูกิ (น้ำผึ้ง-ณัฐริกา) นั้นเอง ฮิเดะได้เล่าให้กับไดซุเกะฟังว่าได้ไปเจอหญิงสาวคนนึงที่มีพลังกล้าแกร่งตัวเย็นเหมือนหิมะและมีดวงตาสีฟ้า และเมื่อไดซุเกะได้ฟังเรื่องจากฮิเดะจึงได้ไปยังห้องเก็บตุ๊กตาฮินะ ที่กักเก็บจิตวิญญาณของปีศาจหิมะแล้วได้รู้ว่ายันต์ที่ควบคุมวิญญาณปีศาจหิมะได้หลุดหายไป หลังจากที่ไดซุเกะรู้เรื่องการหลุดออกไปของปีศาจหิมะแล้วจึงได้ใช้คาถาโบราณของตระกูลโคซึกะ เพื่อที่จะควบคุมนางปีศาจหิมะให้กลับมายังสถานที่แห่งนี้ตามเดิม โดยพิธีกรรมนี้ไดซุเกะได้ท่องคาถาอะไรอย่างบางอย่างและค่อยๆ ชักมีดพกออกมาแล้วกรีดลงบนฝ่ามือของตนเองเลือดของไดซุเกะค่อยๆ ไหลซึมออกมา และไดซุเกะได้หยดเลือดลงบนตัวตุ๊กตาฮินะตัวที่เคยกักขังปีศาจหิมะ เมื่อไดซุเกะได้ทำพิธีกรรมนี้ ทำให้ยูกิทุกข์ทรมานมากกว่าเดิมอีกเท่าตัว ซึ่งตอนนี้ร่างกายของยูกิกำลังอ่อนแอลงอย่างมาก ทำให้ตกอยู่ในสภาพเน่าเละนิ้วและเล็บช้ำเลือดช้ำหนอง รวมถึงกลิ่นตัวก็เหมือนซากศพเน่า ยูกิจึงได้สั่งให้ มาโกโตะ (เอ็ม-อภินันท์) ไปหาเหยื่อผู้ชายที่มีกิเลศหนา ที่จะนำมาให้ยูกิจะสูดพลังกิเลศเหล่านั้นเพื่อที่จะรักษาร่างกายและเพิ่มพลังของตัวเองให้กล้าแกร่งมากขึ้นกว่าเดิม…



เรื่องย่อ กลกิโมโน ตอนที่ 8

กลกิโมโนย้อนหลัง – ฮิโตชิ ผีเด็กญี่ปุ่น (น้องแมค-ณัฐพัชร์) ได้หลุดออกมาจากการกักขังของ ฮิเดะ (ต่าย-นัฐฐพนธ์) อย่างไม่ได้ตั้งใจสืบเนื่องจาก ไอ (มิ้นท์-มิณฑิตา) ไปได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือของเด็กที่ดังออกมาจากภายในห้องเก็บตุ๊กตา เมื่อไอได้ยิน จึงได้เดินตามต้นตอของเสียงเข้าไปภายในห้องนั้นและได้เกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้นทำให้ ไอ ตกใจและกลัวอย่างสุดขีดเผลอพลั้งทำตุ๊กตาที่กักขัง ฮิโตชิเอาไว้หลุดล่วงลงมา จึงทำให้ฮิโตชิหลุดจากการกักขัง เมื่อฮิเดะ รู้ว่าฮิโตชิได้หลุดออกมาจากการกักขังแล้ว จึงได้ใช้คาถาเพื่อเรียกตัวฮิโตชิกลับมาเพื่อหวังที่จะจับตัวและกักขังไว้อีกครั้ง แต่คราวนี้ ฮิโตชิ ไม่ยอมและต่อต้านการกักขัง จึงได้หนีมายังคฤหาสน์ มิยาคาวะ ซึ่งเป็นที่ๆ อายูมิ (น้องอันดา-กุลฑีรา) อยู่เพื่อหวังที่จะให้อายูมิช่วยเหลือตนเอง แต่อีกทางด้านหนึ่ง ท่านชายโฮชิ(พี่เบิร์ด-ธงไชย) ก็ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือของเด็ก จึงได้ออกมาตามหาต้นตอของเสียงว่าเสียงนั้นเป็นของใคร… ซึ่งเช่นเดียวกัน ฮิเดะก็ได้ออกตามตัวฮิโตชิมาถึงยังคฤหาสน์มิยาคาวะ ซึ่งเหตุการณ์นี้ได้ทำให้ ทั้งสองคนได้พบกันเป็นครั้งแรกและทั้งสองได้ปะทะกันอย่างดุเดือดและปรากฎว่า ท่านชายโฮชิได้รับชัยชนะในครั้งนี้ไปจึงทำให้ ฮิโตชิ รอดเงื้อมือของฮิเดะไปได้อย่างปลอดภัย ส่วนทางด้านฮิเดะ เมื่อรู้ว่าตนเองสู้ไม่ได้จึงได้ละทิ้งความพยายามและหนีกลับไปยังคฤหาสน์ของตนเอง แต่เหตุการณ์ในครั้งนี้ได้ทำให้ฮิเดะได้รู้หน้าตาที่แท้จริงๆของชายลึกลับที่อยู่บนหอคอยตระกูลมิยาคาวะ ฮิเดะจึงหวังที่จะสืบหาข้อมูลและหวังจะกลับมาเล่นงานคืน ส่วนอีกทางด้านหนึ่ง หลังจากที่ยูกิ(น้ำผึ้ง-ณัฐริกา)ได้ฟื้นฟูพลังจนกลับมาเป็นปกติแล้ว ได้บุกเข้ามายัง คฤหาสน์โคซึกะเพื่อหวังที่จะฆ่า ไดซุเกะ (หมู-ดิลก) แต่ได้ถูก ฮิเดะ ใช้พลังปีศาจสุนัขจิ้งจอกเข้ามาช่วยเหลือไว้ได้ทัน จึงทำให้ยูกิพ่ายแพ้จนสลบไป เมื่อยูกิฟื้นขึ้นมาก็ได้พบว่าตนเองถูกมัดขึงไว้กับเสา ที่คอ มีเชือกสีแดงพันธนาการเอาไว้ ไม่สามารถขยับร่างกายตัวเองได้ ยูกิได้ยื่นข้อเสนอว่าจะบอกความจริงเกี่ยวกับเทพเจ้านกกระเรียนและชายปริศนาที่อยู่บนหอคอยตระกูลมิยาคาวะให้แก่เขาทั้งสอง แลกกับการที่ไม่ทำร้ายและกักขังตนเองอีกครั้ง ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ได้ทำให้ไดซุเกะและฮิเดะได้รู้ตัวตนที่แท้จริงของท่านชายโฮชิและยิ่งไปกว่านั้น ทั้งสองซึ่งคาดเดาว่า รินดารา (ชมพู่-อารยา) ที่แท้จริงแล้วคือเมียวโจโอจิน หญิงอันเป็นรักนิรันดร์ของเทพเจ้านกกระเรียน ไดซุเกะจึงได้สั่งให้ยูกิไปสืบเรื่องราวเกี่ยวกับ รินดารา และปรากฎว่าในขณะที่ไปสืบหาความจริง ยูกิได้ไปเห็นปานรูปดาวบนแผ่นหลังของรินดาราเปร่งแสงออกมาก อย่างไม่คาดฝันมาก่อน ซึ่งปานรูปดาวนี้ได้เหมือนกับ เมียวโจโอจิน จึงทำให้ยูกิมั่นใจว่ารินดาราที่แท้จริงแล้วคือ เมียวโจโอจิน ที่แบ่งร่างอวตารมายังโลกมนุษย์เพื่อหวังที่จะช่วยเหลือท่านชายโฮชิให้สามารถกลับไปยังที่ๆเคยจากมานั่นเอง ซึ่งเมื่อยูกิรู้ความจริงทั้งหมดแล้ว จึงคิดที่จะฆ่ารินดารา จึงได้สะกดจิตให้ย่ามิกิ (แหม่ม-จินตหรา) ให้ไปฆ่ารินดารา แต่โชคดีที่ท่านชายโฮชิพบเข้าก่อน ท่านชายโฮชิจึงได้เข้ามาช่วยและได้ถูกย่ามิกิใช้มีดแทงเข้า จนล้มลงไป และในระหว่างนั้นเองจู่ๆเวลารอบข้างและทุกสิ่งทุกอย่างได้หยุดเคลื่อนไหวมีเพียงรินดาราเพียงคนเดียวที่ยังมีความรู้สึกและสามารถขยับเขยื้อนตัวเองได้ ซึ่งคนที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาได้นั้นก็คือ เมียวโจโอจิน เทพธิเดือนเจ็ด ที่ใช้พลังของตนลงมาเพื่อที่จะมาบอกเรื่องราวความจริงทั้งหมดแก่ รินดารา ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ได้ทำให้ รินดารา รับรู้ความจริงของเรื่องราวทั้งหมด และความรู้สึกมีต่อท่านชายโฮชิ รวมถึงหน้าที่ของตนเอง เมื่อเวลาและสิ่งรอบตัวที่หยุดลง ได้กลับมาเป็นปกติรินดาราจึงได้รีบเข้าไปหาท่านชายโฮชิและได้บอกความจริงในใจว่าตัวเองรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้ว…




เรื่องย่อ กลกิโมโน ตอนที่ 9

กลกิโมโนย้อนหลัง – ณ เมืองสึกิ เกิดพายุหิมะถล่มครั้งยิ่งใหญ่ นี่ไม่ใช่ภัยธรรมชาติธรรมดา แต่เป็นฝีมือของ นางปีศาจหิมะ โกรธแค้น โฮชิ เทพเจ้านกกระเรียนที่ไม่ยอมรับรักเธอ นางปีศาจหิมะต้องการให้โฮชิเห็นประชาชนในเมืองที่โฮชิรักต้องมีอันเป็นไปต่อหน้าต่อตา โฮชิต่อสู้กับนางปีศาจหิมะจนสามารถช่วยประชาชนได้สำเร็จ แต่การต่อสู้ทำให้กิโมโนของโฮชิขาดวิ่น โฮชิกลับสวรรค์ไปไม่ได้ต้องติดค้างอยู่บนโลกมนุษย์ เขาจึงต้องพรากจาก เมียวโจ คนรักที่อยู่บนสวรรค์ โฮชิเฝ้าคิดถึงเธออยู่ทุกลมหายใจ และเชื่อว่าเธอเองก็คิดถึงเขาอยู่เช่นกัน โฮชิมั่นใจว่าสักวันจะได้พบกับคนรักสาวอีกครั้ง ไม่ว่านานแค่ไหนเขาก็จะรอ



เรื่องย่อ กลกิโมโน ตอนที่ 10

กลกิโมโนย้อนหลัง – เมื่อพ่อของรินดาราเกิดป่วยหนัก ทำให้รินดาราต้องกลับไทยด่วน งานนี้เมื่อรินดาราต้องกลับไทยอยู่แล้ว ตระกูลมิยาคาวะ ที่มีภารกิจตามล่าหาผ้าไหมที่ทอด้วยขนนกกระเรียนทองคำ ที่ เคนจิ (โชตะ – นักแสดงรับเชิญจากประเทศญี่ปุ่น) บอกไว้ว่าผ้าไหมนี้อยู่ที่ประเทศไทย รินดาราจึงต้องพ่วงภารกิจ ตามหาผ้าไหมผืนสำคัญนี้มาด้วย โดยที่ อาคิระ อาสามาดูแลรินดาราและ ช่วยตามหาผ้าไหมนี้ด้วยอีกแรง ทันที่ที่ถึงไทย รินดาราพุ่งตรงไปที่โรงพยาบาลที่พ่อรักษาตัวอยู่เพราะเป็นห่วงพ่อสุดหัวใจ และหลังจากนั้นก็ได้พาอาคิระกลับไปพักผ่อนที่บ้าน แต่ปรากฏว่าเธอได้ยินเสียงความคิดสัตว์แว่วๆ เข้ามาในหู ซึ่งคุณสมบัติพิเศษการได้ยินเสียงสัตว์นี้ได้มาติดตัวตั้งแต่เกิด อาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยทำให้เธอได้ตามหาผ้าไหมขนนกกระเรียนทองคำได้ ซึ่งเสียงที่ รินดาราได้ยิน ก็คือเสียงของฮิเดะ ซึ่งถึงแม้จะเป็นครึ่งคนครึ่งสุนัขจิ้งจอกก็ตามแต่ก็ทำให้รินดาราสามารถสัมผัสถึงเสียงนั้นได้ ทำให้ได้รู้ว่า ฮิเดะ ตามมาที่ไทย เพื่อขัดขวางไม่ให้ภารกิจตามล่าหาผ้าไหมสำเร็จ เนื่องจากต้องการแก้แค้นเทพเจ้านกกระเรียนไม่ให้ได้กลับสวรรค์ และเมื่อ เคนจิ อาคิระ รินดารา ขับรถไปบ้านป้าอัง ผู้เดียวที่รู้ว่าผ้าไหมขนนกกระเรียนทองคำนี้อยู่ที่ไหน ระกว่างทาง ก็มีสุนัขมาวิ่งตัดหน้ารถกระทันหัน จนต้องหักหลบลงข้างทางทำให้ยางแบน งานนี้ก็เป็ฯฝีมือของฮิเดะตามคาด เพราะหวังถ่วงเวลาให้ทั้งสามคนไปถึงบ้านป้าอังช้ากว่ากำหนด ฮิเดะอาศัยคุณสมบัติพิเศษในตัวที่เคลื่อนไหวเร็วพุ่งตรงไปบ้านป้าอัง รื้อค้นข้าวของเกลื่อนกระจายทั่วบ้าน หวังว่าจะชิงเอาผ้าไหมผืนสำคัญที่มิยาคาวะต้องการไปได้ก่อน แต่โชคดีที่ไม่พบ จนทั้งสามคนมาถึงที่บ้านก็พบร่องรอยการรื้อค้นก็ปักใจเชื่อว่าเป็นฝีมือฮิเดะอย่างแน่นอน งานนี้ อาคิระยิ่งต้องระวังตัวและวางแผนในการตามหาผ้าไหมให้รอบคอบมากขึ้น และเมื่อป้าอัง ได้พบกับ รินดารา ก็ต้องกับตะลึงและร้องไห้โฮออกมา เพราะรินดาราที่อยู่ตรงหน้า หน้าตาเหมือนผู้หญิงที่คอยมาเข้าฝันเธออยู่บ่อยๆ โดยที่ผู้หญิงคนนั้นคือเมียวโจโอจินนั่นเอง ที่คอยมาบอกให้ป้าอังเก็บผ้าไหมขนนกกระเรียนทองคำไว้ให้ดี ในขณะที่ทุกคนกำลังหารือเรื่องการตามหาผ้าไหมผืนนั้น ฮิเดะ ที่โกรธแค้นที่ทำภารกิจไม่สำเร็จ ก็เลยมุ่งตรงไปเล่นงานพ่อของรินดาราที่โรงพยาบาล หวังจะเบี่ยงเบนความสนใจให้รินดารามาสนใจในการดูแลพ่อมากกว่าการไปตามหาขนนกระเรียน โดยฮิเดะ ได้ไปปรากฏตัวต่อหน้าพ่อของรินดาราและได้แปลงร่างกลายเป็นสุนัขจิ้งจอก ทำให้พ่อของรินดาราตกใจสุดขีดความดันขึ้นสูง ชีพจรเต้นถี่ เมื่อรินดารารู้ข่าวว่าพ่ออาการทรุด จึงรีบมาที่โรงพยาบาลและฟูมฟายอย่างหนักจนเป็นลมไป โดยมีอาคิระคอยดูแล เรื่องที่พ่อรินดาราทรุกหนักไปนั้นท่านชายโฮชิสามารถรับรู้ได้ จึงได้มาพบกับรินดาราในฝันขณะที่รินดาราหมดสติไป และได้มอบขนนกไว้ให้เพื่อให้รินดารานำไปวางไว้ที่มือของพ่อเพื่อช่วยให้พ่อพ้นจากความทรมาน และเมื่อรินดาราตื่นขึ้นมาก็พบว่าขนนกที่ท่านชายให้ไว้ในฝันนั้นได้อยู่ในมือของเธอจริงๆ ณ ตอนนี้ เธอจึงรีบนำขนนกนั้นไปวางไว้บนมือของพ่อ และอาการของพ่อ ก็ดีขึ้นมาทันตาเห็นทำเอาหมอและพยาบาลถึงกับอึ้งเลยทีเดียว ระหว่างที่ทุกคนเฝ้าติดตามดูอาการพ่อรินดาราอย่างใกล้ชิด ฮิเดะก็สบโอกาสไปเล่นงานป้าอังอีกครั้ง งานนี้ปรากฏตัวให้ป้าอังเห็นและขู่จะให้ป้าอังบอกที่ซ่อนของผ้าไหมขนนกกระเรียนทองคำ โชคดีที่ป้าอัง มีเหรียญเซมาโมริ ที่รินดาราให้ไว้ป้องกันตัวช่วยไว้ได้ ทำให้ฮิเดะล่าถอยออกไป งานนี้ฮิเดะยังไม่ละความพยายาม จึงคิดแผนชั่วตามให้ไอ รีบบินจากญี่ปุ่นมายังไทยเพื่อมาช่วยล้วงความลับจากอาคิระ โดยที่ไอก็หลงเชื่อในคำขอของฮิเดะ โดยร่วมมือกับฮิเดะช่วงชิงผ้าไหมขนนกกระเรียนทองคำมาจากรินดารา ขณะที่ไปเอาผ้าไหมผืนนี้ที่วัดตามที่ป้าอังบอก มาได้ ฮิเดะ ภูมิใจในภารกิจที่ทำสำเร็จ เผาทำลายผ้าผืนนั้นด้วยความสะใจ แต่หารู้ไม่ว่าตัวเองนั้นโดน อาคิระซ้อนแผนเข้าให้แล้ว เพราะผ้าผืนนั้นไม่ใช่ของจริง



เรื่องย่อ กลกิโมโน ตอนที่ 11

กลกิโมโนย้อนหลัง – ณ เมืองสึกิ เกิดพายุหิมะถล่มครั้งยิ่งใหญ่ นี่ไม่ใช่ภัยธรรมชาติธรรมดา แต่เป็นฝีมือของ นางปีศาจหิมะ โกรธแค้น โฮชิ เทพเจ้านกกระเรียนที่ไม่ยอมรับรักเธอ นางปีศาจหิมะต้องการให้โฮชิเห็นประชาชนในเมืองที่โฮชิรักต้องมีอันเป็นไปต่อหน้าต่อตา โฮชิต่อสู้กับนางปีศาจหิมะจนสามารถช่วยประชาชนได้สำเร็จ แต่การต่อสู้ทำให้กิโมโนของโฮชิขาดวิ่น โฮชิกลับสวรรค์ไปไม่ได้ต้องติดค้างอยู่บนโลกมนุษย์ เขาจึงต้องพรากจาก เมียวโจ คนรักที่อยู่บนสวรรค์ โฮชิเฝ้าคิดถึงเธออยู่ทุกลมหายใจ และเชื่อว่าเธอเองก็คิดถึงเขาอยู่เช่นกัน โฮชิมั่นใจว่าสักวันจะได้พบกับคนรักสาวอีกครั้ง ไม่ว่านานแค่ไหนเขาก็จะรอ



เรื่องย่อ กลกิโมโน ตอนที่ 12 ตอนจบ

กลกิโมโนย้อนหลัง – ณ เมืองสึกิ เกิดพายุหิมะถล่มครั้งยิ่งใหญ่ นี่ไม่ใช่ภัยธรรมชาติธรรมดา แต่เป็นฝีมือของ นางปีศาจหิมะ โกรธแค้น โฮชิ เทพเจ้านกกระเรียนที่ไม่ยอมรับรักเธอ นางปีศาจหิมะต้องการให้โฮชิเห็นประชาชนในเมืองที่โฮชิรักต้องมีอันเป็นไปต่อหน้าต่อตา โฮชิต่อสู้กับนางปีศาจหิมะจนสามารถช่วยประชาชนได้สำเร็จ แต่การต่อสู้ทำให้กิโมโนของโฮชิขาดวิ่น โฮชิกลับสวรรค์ไปไม่ได้ต้องติดค้างอยู่บนโลกมนุษย์ เขาจึงต้องพรากจาก เมียวโจ คนรักที่อยู่บนสวรรค์ โฮชิเฝ้าคิดถึงเธออยู่ทุกลมหายใจ และเชื่อว่าเธอเองก็คิดถึงเขาอยู่เช่นกัน โฮชิมั่นใจว่าสักวันจะได้พบกับคนรักสาวอีกครั้ง ไม่ว่านานแค่ไหนเขาก็จะรอ



CR : http://drama.tlcthai.com/category/ช่อง-3/กลกิโมโน

สุดยอดเพลงดัง!! ณ เวลานี้ ตัดพ้อ by โก๊ะ นิพนธ์

ตัดพ้อ
ตัดพ้อ  โก๊ะ นิพนธ์

“ โก๊ะ นิพนธ์ “ ศิลปินหนุ่มหน้าใหม่ จาก ค่าย Yes Musicตั้งแต่เด็ก “โก๊ะ” ก็เริ่มตามหาความฝัน การเป็นนักร้อง โดยการเริ่มตั้งวงดนตรีกับเพื่อน ออกเล่นตามร้านอาหารขณะที่เรียนหนังสือไปด­้วย และเก็บเกี่ยวประสบการณ์ร้องเพลงตามร้านอา­หารและผับมาอย่างยาวนานกว่า 10 ปี ด้วยการร้องและการแสดงโชว์ที่โดดเด่น ทำให้ไปเข้าตา โปรดิวเซอร์ อย่าง “จารึก ไกรสรพงษ์” หรือที่รู้จักกัน ในนาม “ต้อง วง พริกไทย ” ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จอย่าง วง “เคลิ้ม “มาแล้ว จนออกมาเป็น งานดนตรี acoustic pop ฟังสบาย เนื้อหาโดนใจ คนที่อยู่ในอารมณ์ “น้อยใจ” คนรัก กับเพลงที่แทนความรู้สึกผู้หญิง แต่ก็อาจตรงกับชีวิตจริงผู้ชายหลายๆคน!

เนื้อร้อง /ทำนอง จารึก ไกรสรพงษ์ เรียบเรียง จารึก ไกรสรพงษ์
ณัฐวุฒิ นันทศิริ

ขอโทษ ที่ฉันบอกเธอว่ารักซ้ำซ้ำ เธอว่าไม่ต้องตอกและย้ำ ไม่ต้องการ
ขอโทษ ที่ฉันยอมทิ้งทุกอย่าง เพื่อมาอยู่กับเธอในวันนี้เธอคงเบื่อ ก็เข้าใจ ไม่เป็นไร
ขอโทษ ที่ฉันชอบเข้าไปอยู่ใกล้ใกล้ ทำให้เธออึดอัดใช่ไหม ฉันวุ่นวาย

*ขอโทษ ที่ทำให้เธอต้องอาย ที่ยังใช้แต่ของเก่าเก่า ที่เธอเคยให้
ขอโทษ ที่น้ำตาฉันมันไหล ในเวลาที่ไม่ได้เจอกับเธอนานนาน
ขอโทษ ที่ฉันมันน่ารำคาญ ที่ฉันพยายามจะห้ามให้ใครเข้ามา
ขอโทษ ทั้งน้ำตา

**บอกฉันสิ ว่าฉันรักเธอมากเกินไป บอกสิ บอกให้น้อยลง ต้องทำเช่นไร
ขอโทษที่ฉัน รัก รัก รัก รักเธอ
บอกฉันสิ ว่าฉันรักเธอมากเกินไป บอกสิ บอกกับฉัน ว่าให้ฉันมีคนใหม่
ขอโทษเธอจริงจริง ที่ฉันรักเพียงแต่เธอ
ขอโทษ ด้วยนะที่ยังขาดเธอไม่ไหว ยังไม่รู้จะอยู่ยังไง ไม่มีเธอ
(ซ้ำ *,**,**)
ขอโทษเธอจริงจริง ที่ฉันรักเพียงแต่เธอ

Music Video ตัดพ้อ โก๊ะนิพนธ์

วันพุธที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

Lily เครื่องร่อนติด กล้องจิ๋ว ที่จะคอยถ่ายภาพติดตามเรา

กล้องจิ๋ว
Lily เครื่องร่อนติด กล้องจิ๋ว

        ไม่ต้องพึ่งพาไม้เซลฟี่หรือ กล้องจิ๋ว ที่ฝังในแว่นตาอีกต่อไป เพราะโลกกำลังได้รู้จักกับกล้องดิจิตอลรุ่นแรกของโลกที่สามารถ "ขว้างแล้วถ่าย" ตัวกล้องถูกขนานนามว่า "ลิลี (Lily)" แจ้งเกิดในรูปกล้องดิจิตอลที่ฝังในเครื่องร่อนพร้อมหน่วยประมวลผลและเซ็นเซอร์ที่ทำให้เครื่องสามารถบินติดตามเพื่อถ่ายภาพรอบตัวผู้ใช้ได้แสนสะดวก
     
       ข้อมูลระบุว่า Lily สามารถถ่ายภาพวิดีโอความละเอียดสูงหรือ HD video ขณะบินติดตามผู้ใช้ จุดนี้ผู้ใช้สามารถพกอุปกรณ์สำหรับติดตามโดรนไว้ในกระเป๋า หรือจะพกไว้ที่กล่องกันน้ำซึ่งออกแบบไว้สำหรับสวมข้อมือผู้ใช้ก็ได้ จากนั้นให้ขว้าง Lily ขึ้นไปบนอากาศ เมื่อขึ้นบิน ระบบจะใช้เทคโนโลยีจีพีเอส (GPS) ในการติดตามตัวผู้ใช้ พร้อมกับถ่ายภาพวิดีโอ

กล้องจิ๋ว

        ในเว็บไซต์ Lily ข้อมูลระบุว่าผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องตั้งค่าระบบใดๆ เพราะการถ่ายภาพจะเริ่มขึ้นเมื่อมีการขว้าง Lily ขึ้นไปบนอากาศ จุดนี้ความละเอียดของภาพที่ได้สามารถเลือกเป็น 1080p HD หรือวิดีโอภาพสโลโมชันความละเอียด 720p รวมถึงภาพนิ่งซึ่งมีความละเอียด 12 ล้านพิกเซล
     
       Lily ยังมาพร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนฝังในตัวที่จะทำให้เครื่องสามารถลอยอยู่กลางอากาศได้นาน 20 นาทีต่อการชาร์จ 2 ชั่วโมง ขณะเดียวกันก็สามารถป้องกันน้ำมาตรฐาน IP67 ซึ่งสามารถทำงานได้ดีขณะอยู่ในน้ำลึก 1 เมตร
     
       บนอากาศ Lily สามารถเคลื่อนที่ด้วยความเร็ว 25 ไมล์ต่อชั่วโมง ระดับความสูงในการบินสามารถเลือกได้ทั้ง 5 ฟุตเหนือศีรษะหรือ 100 ฟุตก็ได้ ตัวเครื่องติดตั้งไมโครโฟนสำหรับบันทึกเสียงด้วย จุดนี้ข้อมูลระบุว่า Lily จะเชื่อมวิดีโอกับไฟล์เสียงที่ถูกบันทึกเข้าด้วยกันแบบอัตโนมัติ
     
       ขณะถ่าย ผู้ใช้สามารถถ่ายทอดสดหรือสตรีมวิดีโอความละเอียดต่ำไปยังแอปพลิเคชันในสมาร์ทโฟนได้ ทั้งหมดนี้สนนราคา 999 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 32,000 บาท
     
       ผู้สนใจสามารถสั่งจองเพื่อรอรับสินค้าในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2016 การเปิดตลาดของ Lily นี้เกิดขึ้นหลังจากการสาธิตเครื่องต้นแบบครั้งแรกในเดือนกันยายนปี 2013 ที่ศูนย์วิจัยหุ่นยนต์ U.C. Berkeley robotics lab

ภาพหลุดลูกตาลชโลมจิต สุดหวิวบนเตียง

ภาพหลุดลูกตาลชโลมจิต

        "ลูกตาล ชโลมจิต" เมินกระแสสังคม หลังภาพเซลฟี่เปลือยหลุดว่อนเน็ต บอกเป็นภาพที่โพสต์ในแฟนเพจเพื่อโปรโมตหนังสือ โว 40 ยังแจ๋ว หุ่นดีไม่รีทัช ไม่หวั่นเกรดต่ำ เผยรสนิยมส่วนตัว ก่อนนอนแก้ผ้าหมด ปล่อยให้ลมโกรกบ้าง
       
       สร้างความฮือฮาให้กับวงการบันเทิงอีกครั้ง หลังจากที่ "ลูกตาล ชโลมจิต จันทร์เกตุ" ออกมาประกาศเลิกกับสามีฝรั่งแบบจบไม่สวย ล่าสุดทำเอา อึ้ง ทึ่ง เสียว กันทั้งเมือง เมื่อมี ภาพหลุดลูกตาลชโลมจิต สุดสยิวอยู่บนเตียงหลุดว่อนโลกโซเชียล ร้อนถึง "อ.ยิ่งศักดิ์ จงเลิศเจษฎาวงศ์" จากรายการคนดังนั่งเคลียร์ ทาง ช่อง 2 ต้องจับมาคุยในรายการแบบถึงพริกถึงขิง

ภาพหลุดลูกตาลชโลมจิต
       
       "จริงๆ แล้วภาพเซลฟี่ที่หลุดออกมา ก็ยอมรับว่าเป็นตัวเองจริงๆ ที่ถ่ายมันมี 2 แบบ อันที่เราลงไปที่ไม่ค่อยโป๊ก็จะลงแฟนเพจ แต่อันที่ค่อนข้างโป๊เราส่งให้เพื่อนดู ถามว่าโป๊ไหม อันที่จริงก็ไม่เห็นอะไร แต่ท่ามันอาจจะแรง จริงๆ เราถ่ายเพื่อความสนุก ลูกตาลมีแฟนเพจแฟนคลับที่ตามอยู่ด้วย เราก็เลยอยากถ่ายให้แฟนคลับเราดู ตอนก่อนนอน Good Night อะไรแบบนี้แหละคะ ตอนแรกเราไม่ได้ตั้งใจจะเซลฟี่เยอะ แต่หลังๆ มีเซลฟี่เกือบทุกคืน เป็น Good Night จากลูกตาล ชโลมจิตร"
       
       "ถามว่าแฟนคลับชอบดูรูปแนวนี้หรือเปล่าคือวันหนึ่งตาลถ่ายรูปเซลฟี่ลงในแฟนเพจ ปรากฏว่าได้รับการต้อนรับ แฟนๆ ก็เข้ามาเยอะ บอกว่าคิดถึงบ้าง ชมบ้าง พอเขาเข้ามาดูก็บอกว่าพี่ลูกตาลถ่ายให้ดูทุกวันได้ไหม ทั้ง Good Morning ทั้ง Good Night แค่นั้นเอง"
       
       "ขอบอกจุดประสงค์ก่อน ตอนแรกลูกตาลทำหนังสือ เป็นหนังสือถ่ายภาพส่วนตัวนู้ด เราก็พยายามเอารูปจากหนังสือลงไป แต่บางคนเขาไม่ได้เห็นเรานานๆ ก็มีคำถาม เพราะรูปในหนังสือก็เหมือนกันหมดมีการรีทัชบ้าง ก็บอกว่าไม่จริงหรอกมั้ง ตัวจริงคงแก่อายุ 40 กว่าขนาดนี้แล้ว ตาลก็เลยเอากล้องธรรมดานี่แหละ ถ่ายให้เขาดูเลยว่าไม่มีรีทัชนะ เป็นกล้องธรรมดานะ เป็นการอัปเดตตัวเอง"

ภาพหลุดลูกตาลชโลมจิต
       
       รับแก้ผ้านอนบนเตียง บอกรัดแน่นมาทั้งวันควรปล่อยให้ลมโกรกบ้าง
       "จริงๆ ก็ใส่คะ แต่ถ้านอนไม่ใส่คะ ผู้หญิงเราใส่ชุดต่างๆ มันก็รัดมาทั้งวันแล้ว การที่นอนตอนกลางคืนควรจะให้ลมโกรกบ้าง ผู้หญิงใส่อะไรที่รัดไว้นานๆ มันก็ไม่ดี อย่างยกทรงใส่รัดทั้งวันมันก็เสี่ยงกับมะเร็ง ก็ต้องปล่อยบ้าง แต่ก็เฉพาะตอนนอนนะ แต่ตอนจะถ่ายเซลฟี่ก็หยิบเสื้อผ้ามาใส่นิดหนึ่ง"
       
       "จริงๆ ตอนนอนก็จะใส่ชุดนอนแบบบางๆ ถ้ามีสามีหรือมีแฟนก็อาจจะต้องใส่ชุดนอนที่มันเซ็กซี่ บางๆ แต่ตอนนี้อยู่คนเดียวก็ไม่ค่อยใส่อะไร"
       
       ปัดโรคจิตวันๆ เซลฟี่แต่รูปโป๊เปลือย
       "จริงๆ แล้วรูปนี้ตาลลงเฉพาะในแฟนเพจเท่านั้นนะคะ คนที่เข้ามาก็คือคนที่ชอบเรา เพราะหนูเขียนไว้เลยว่าถ้าคนที่ไม่ชอบไม่ต้องเข้ามาดู ถามว่าตั้งใจปล่อยรูปเองไหม คือมันมี 2 อย่างที่บอกไป รูปที่เราตั้งใจถ่ายแล้วลงในแฟนเพจ แต่บางรูปที่เยอะไปเราก็ไม่ลง แต่ส่งให้เพื่อนหรือคนสนิทแค่บางคน จนเขาไปส่งต่อๆ กันดู รูปที่ลงไปเพื่อโปรโมตหนังสือเฉยๆ แต่ตัวจริงแล้วเราไม่ได้มาแต่งตัวอะไรแบบนี้ ซึ่งภาพที่หลุดออกไปตาลก็ถามเพื่อนๆ ในกลุ่มแล้วว่าใครเป็นคนส่งต่อ ไม่มีใครรับสักคน"

ภาพหลุดลูกตาลชโลมจิต
       
       เผยจุดประสงค์ต้องการโปรโมตหนังสืออัปเดตชีวิต 40 ยังแซ่บ ไม่หวั่นกระแสโป๊เกรดต่ำ
       "พอถามไปก็ไม่มีใครรับ เพื่อนบางคนก็บอกว่าดีแล้วไม่ใช่เหรอ เธอชอบโชว์ ขอบอกตรงนี้ว่าการถ่ายมี 2 จุดประสงค์ หรือเราถ่ายเพื่อโปรโมตหนังสือเพื่ออัปเดตชีวิตตัวเราเอง อีกอย่างหนึ่งคือเพื่อนบางคนในกลุ่มอ้วน แล้วไม่ดูแลรักษาร่างกายตัวเอง เราก็ส่งไปเหมือนเตือนเขาให้ออกกำลังกาย เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้เพื่อน เหมือนประมาณว่า 40 ก็แซ่บได้อยู่"
       
       "คนมองว่าถ่ายให้ดูฟรีๆ ไม่มีราคาก็ไม่ได้นะ เพราะหลังจากภาพนี้ออกไปมันกลับมีราคาขึ้นมา เพราะว่าหนังสือที่เราทำกลับขายดิบขายดี เพราะคนรู้สึกว่ารูปร่างเรามันยังเหมือนเดิมอยู่นะ คนก็ให้กำลังใจเราด้วย คือคนที่เข้ามาดูเขาก็ต้องแยกแยะออก เพราะตัวจริงของเราก็ไม่ได้มานั่งเซ็กซี่ตลอดเวลา ถามว่าจะมีภาพเหล่านี้ออกมาอีกไหมคงไม่มีแล้วคะ" 

พลอยชมพู สาวน้อยวัยใส cover เพลงบน youtube จนได้ 140 ล้านวิว

พลอยชมพู

เป็นสาวน้อยเสียงเพราะที่โชว์ความสามารถผ่านการคัฟเวอร์เพลงลงยูทูบ จนในวันนี้ "พลอยชมพู-ญานนีน ภารวี ไวเกล" ลูกครึ่งไทย-เยอรมัน อายุ 15 ปี กลายเป็นเน็ตไอดอลผู้โด่งดัง มีแฟนคลับกว่า 8 แสนรายทั้งในไทย เวียดนาม ญี่ปุ่น จีน เกาหลี ฯลฯ คอยติดตามงาน และยอดวิวคนเข้าฟังเพลงคัฟเวอร์ของเธอแล้วกว่า 140 ล้านวิว

แล้วในวันนี้จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ก็นำเธอมาปั้นต่อให้เป็นศิลปินป๊อปร็อก ออกผลงาน "ชักดิ้นชักงอ" ซึ่งสามารถสร้างยอดวิวกว่า 4 ล้านวิว ภายในเวลาแค่เดือนกว่าไปเรียบร้อย

พลอยชมพู

"เนื้อหาของเพลงจะเกี่ยวกับไลฟ์สไตล์วัยรุ่นสมัยนี้ที่ชอบคุย ชอบโทร ชอบแชต พูดถึงวัยรุ่นที่คุยๆ กันอยู่ คุยไปคุยมาเพื่อนๆ ก็เลยเริ่มสงสัยว่า เอ๊ะ! ตกลง 2 คนนี้เป็นอะไรกันแน่" พลอยชมพู พูดถึงซิงเกิลเพลงแรกของตัวเองแบบยิ้มๆ

แล้วเล่าถึงจุดเริ่มต้นบนเส้นทางการร้องเพลงว่า มาจากการประกวดในรายการ Singing Kids 2010 ที่สามารถคว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 มาครองด้วยวัยเพียง 11 ขวบ

"ชอบร้องมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วอยากเป็นนักร้อง คุณแม่ก็เลยสานต่อความฝัน ให้ร้องเพลงคาราโอเกะให้ฟังบ้าง บางทีคุณแม่ก็จะร้องเพลงให้ฟังบ้างมาตั้งแต่เด็กๆ"

พลอยชมพู

จนในที่สุดก็ตัดสินใจอัดคลิปโชว์ลงยูทูบ

"เห็นฝรั่งเขาทำกันแล้วอยากลองทำบ้าง" พลอยชมพูเล่า

ก่อนจะว่าตอนแรกคนดูไม่มากเท่าไหร่ ก่อนจะกลายเป็นมหาศาลเมื่อเพลง "Let her go" ถูกแชร์ออกไปเยอะมาก

"เหมือนเป็นเพลงแจ้งเกิดเลย"

แชร์ไปจนถึงประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งพอยอดวิวขึ้นเป็นล้าน ก็เล่นเอาตกใจ เธอเล่าพร้อมกับหัวเราะขำตัวเอง

ปัจจุบันพลอยชมพูมีคลิปในยูทูบเกือบ 70 คลิป คลิปคัฟเวอร์ล่าสุดคือเพลง "See you again" ที่ประกอบภาพยนตร์เรื่อง "Fast&Furious 7"

"ส่วนใหญ่เลือกคัฟเวอร์จากเพลงที่ชอบก่อน แต่ถ้ามีเพลงไหนที่อยู่ในกระแส แล้วคิดว่ามันน่าจะเหมาะกับเรา แล้วเราอยากถ่ายทอดในอีกแบบหนึ่ง อีกอารมณ์หนึ่ง ก็คัฟเวอร์เหมือนกัน"

พลอยชมพู

นอกจากการร้องเพลง พลอยชมพูบอกว่ายังมีอีกสิ่งที่เธอชอบคือการแสดง ที่ขณะนี้กำลังพยายามพัฒนาฝีมือให้ดีขึ้นเรื่อยๆ เริ่มจากหนังสั้นที่มีไป 2 เรื่อง มาจนถึงละครเรื่อง "บัลลังก์เมฆ" ทางช่องวัน รวมไปถึงยังจะมีหนังยาวอีกเรื่องที่น่าจะเห็นกันปลายปีนี้

และแม้จะมีงาน แต่เรื่องการเรียนเธอก็ไม่ทิ้ง โดยใช้วิธีเรียนแบบโฮมสคูล

"จะได้เน้นในทางที่เราชอบ เราถนัด พลอยชมพูจะถนัดเรื่องภาษา ตอนนี้ก็เก็บหน่วยกิตของ มสธ. คณะศิลปศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ"

พลอยชมพู

ก่อนจะทิ้งท้ายถึงเคล็ดลับการเป็นพลอยชมพูที่มีคนรักและคนชื่นชมมากขึ้นเรื่อยๆ ว่า "ทำตัวให้เหมือนกับตอนที่เราเริ่มมา ไม่ใช่ว่าพอดังแล้วเปลี่ยนไป คือถ้าจะเปลี่ยนก็ต้องเปลี่ยนในทางที่ดีขึ้น"

"แล้วพยายามไม่ให้มีเส้นกั้นระหว่างแฟนคลับกับตัวเรา เพราะเราก็เริ่มต้นมาจากการเป็นแฟนคลับคนอื่นเหมือนกัน ถึงตอนนี้เราจะเป็นศิลปินแล้ว แต่ก็เคยอยู่ในฐานะเดียวกันมาก่อน ก็เลยจะทำกับแฟนคลับเหมือนกับที่เคยอยากให้ศิลปินทำกับเรา"

ตัวอย่างผลงานของ พลอยชมพู สาวน้อยวัยใส





CR : หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน

วันอังคารที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

Vernier Caliper อุปกรณ์วัดขนาดชิ้นงานความละเอียด 0.01mm

Venier Caliper
Venier Caliper อุปกรณ์วัดขนาดชิ้นงานความละเอียด 0.01mm

ทำจากวัสดุ โลหะสแตนเลสทั้งชิ้น มีความแข็งแรงและความทนทนสูง เหมาะสำหรับวัดขนาดไม่เกิน 300 mm LCD แสดงผลหน้าจอเป็นตัวเลขในหน่วย นิ้วและมิลลิเมตร สะดวกในการใช้งานเป็นอย่างยิ่ง เพียงคุณใส่ถ่านนาฬิกาขนาด LR43 ก็สามารถเปิดเครื่อง Vernier Caliper แล้วเริ่มต้นวัดขนาดชิิ้นงานของคุณได้ทันที

ขรัวโต (Kruato) ภาพยนต์ถ่ายทอดเรื่องราวสมเด็จพระพุฒาจารย์โต

ขรัวโต Kruato
ขรัวโต Kruato ภาพยนต์ถ่ายทอดเรื่องราวสมเด็จพระพุฒาจารย์โต

เรื่องย่อ ขรัวโต - Kruato

ขรัวโต เป็นภาพยนตร์ที่ถ่ายทอดเรื่องราว ชีวประวัติของ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังษี วัดระฆังโฆสิตาราม ตั้งแต่เกิดจนบวชเรียน จนค้นพบบสุดยอดแห่งพระคาถาชินบัญชรที่มีคุณวิเศษ  โดยแบ่งช่วงชีวิตของขรัวโต ทั้งหมด 4 ช่วง ช่วงแรกว่าด้วยชีวิตวัยเด็ก ของเด็กชายโต  แสดงโดย ด.ช.ชัยธวัฒน์ เนื่องจำนงค์ ซึ่งขรัวโตวัยเด็กก็เป็นเหมือนเด็กเล็กทั่วไปที่รักสนุก แต่ ท่านเป็นเด็กที่มีจิตใจโอบอ้อมอารีต่อผู้อื่น มีเมตตา ที่โดดเด่นเป็นพิเศษคือ ท่านฉายแววในการเป็นคนที่มีหัวใจใฝ่เรียนรู้ ท่านร่ำร้องจะเรียนหนังสือ จนมารดาต้องพาไปฝากเรียนกับหลวงตาแก้ว ที่เป็นเหมือนครูคนแรกของท่าน

ขรัวโต Kruato
รูปจากในภาพยนต์ ขรัวโต - Kruato

ช่วงที่2 อยู่ในช่วงที่ขรัวโตบวชเณร ท่านก็ตัดสินใจมุ่งที่จะบวชเป็นสามเณรอย่างจริงจัง แม้ว่ามารดาจะยังรักเป็นห่วง อยากให้อยู่ใกล้ ๆ แต่ท่านก็ยืนยันชัดเจนว่าต้องการจะบวชเรียน จนโยมแม่ต้องยอมตามใจ ซึ่งหลังจากที่ท่านพบความจริงว่า ท่านไม่ใช่ลูกของพ่อที่เลี้ยงดูท่านมา ท่านก็ขอลาบวชเรียนและไม่สึกอีกเลย

ขรัวโต Kruato

ช่วงที่3   สามเณร ท่านบวชต่อเป็นพระโต แสดงโดย น้ำแข็ง – ปรัชญา ประทุมเดช เป็นช่วงที่ท่านออกธุดงค์กับอาจารย์อีกคนคือ ขรัวตาแสง ได้ร่ำเรียนวิชาต่างๆ รวมถึงออกเดินทางไปตามสถานที่ต่างๆได้พบเห็นชีวิตทางโลกมากขึ้น

ขรัวโต Kruato
เกิดแสงปาฏิหารขณะทำการถ่ายทำภาพยนต์ ขรัวโต - Kruato

 ช่วงปัจฉิมวัยของ ขรัวโต  รับบทโดย พี่ต้อย เศรษฐา  ในชีวิตจริง ขรัวโต ท่านไม่ได้เป็นพระที่เคร่งเครียด ท่านเป็นพระที่อารมณ์ดี จิตใจดี มองโลกในแง่ดี มีอารมณ์ขัน ท่านนำธรรมะมาสอนประชาชนด้วยถ้อยคำที่ฟังง่าย ๆ แต่คมคาย แฝงปรัชญาธรรมะ และ อารมณ์ขัน

ตัวอย่างภาพยนต์ ขรัวโต - Kruato ภาพยนต์ถ่ายทอดเรื่องราวสมเด็จพระพุฒาจารย์โต


เข้าฉาย 28 พฤษภาคมนี้ ทุกโรงภาพยนต์

Yes or No 2.5 กลับมาเพื่อรักเธอ

Yes or No 2.5 กลับมาเพื่อรักเธอ
Yes or No 2.5 กลับมาเพื่อรักเธอ

เรื่องย่อ Yes or No 2.5 กลับมาเพื่อรักเธอ
"Yes or No 2.5 กลับมาเพื่อรักเธอ" เรื่องราวของสองสาวหล่อเพื่อนซี้ ไวน์ (ติ๊นา ศุภนาฏ) ช่างภาพมาดเท่และ พี เชฟยอดฝีมือ (นัน สุนันทา AF10) กับความสัมพันธ์ของทั้งคู่ที่มีต่อ พิม และ ฟ้า (ปีเก้-พิมพกานต์ และ หงหยก-จันษกร AF10)

Yes or No 2.5 กลับมาเพื่อรักเธอ
รูปจากภาพยนต์ Yes or No 2.5 กลับมาเพื่อรักเธอ

ความรัก ความหลัง อดีต และ ปัจจุบัน พาทั้งสี่โคจรมาเจอกันอีกครั้ง ไวน์ที่ยังปักใจกับรุ่นน้องอย่างพิม แต่พิมนั้นกลับกำลังคบอยู่กับแฟนหนุ่ม พีที่อยากช่วยเพื่อนให้ตัดใจจากรักเก่า จึงวางแผนเป็นพ่อสื่อจับคู่ไวน์กับฟ้า เพื่อนสนิทของพิม แต่เมื่อฟ้ากลับหลงเสน่ห์ของพีแทน ความสับสนอลเวงจึงเกิดขึ้น

Yes or No 2.5 กลับมาเพื่อรักเธอ



สุดท้าย ชีวิตและหัวใจสี่ดวงจะลงเอยแบบไหน ความรักแท้จริงสัมผัสกันที่หัวใจ ใช่หรือไม่ พบคำตอบได้ 28 พฤษาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์

ตัวอย่างภาพยนต์ Yes or No 2.5 กลับมาเพื่อรักเธอ

วันจันทร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

เปิดให้บริการสถานี Solar Cell Charger สำหรับสมาร์ทโฟน


ศูนย์ฯสิริกิติ์ เปิดให้บริการจุดชาร์จแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือ พลังงานแสงอาทิตย์ ไม่เสียค่าใช้จ่าย เคาน์เตอร์ Solar Cell Charger Station

บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จํากัด ผู้บริหารศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เปิดให้บริการ “โซลาร์เซลล์ ชาร์จเจอร์ สเตชั่น” (Solar Cell Charger Station) เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าและผู้ใช้บริการที่ศูนย์ฯ สิริกิติ์ ในการชาร์จแบตเตอรี่มือถือโดยการนำพลังงานแสงอาทิตย์ หรือ Solar Cell Charger ซึ่งเป็นพลังงานทางเลือก มาใช้ผลิตพลังงานเฉลี่ย 1200 วัตต์ โดยเป็นการให้บริการแบบไม่เสียค่าใช้จ่าย เคาน์เตอร์ Solar Cell Charger Station ตั้งอยู่บริเวณ Zone C ด้านหลัง 7 – Eleven ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00 – 21.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0 2229 3000 กด 0


สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด
วรรณี อนุศาสน์อมรกุล (ปุ๊ก) มือถือ 08 1404 7447
จรรยา จ้อยเจริญ (เก๋) มือถือ 08 1995 9945
โทร : 0 2229 3043 – 46 E-mail : prc1@qsncc.com

คอมเม้นแฟนบอลเวียดนามหลังพ่ายบอลโลกในศึก ไทย เวียดนาม

ไทย เวียดนาม

จัดมาเพียบ! ความเห็นแฟนบอลเหงียน หลังเกมฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบสอง ระหว่าง ทีมชาติ ไทย เวียดนาม ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน เมื่อวันอาทิตย์ 24 พ.ค. ที่ผ่านมา

ซึ่งผลปรากฏว่า "ช้างศึก" เฉือนไปได้แบบหืดจับ 1-0 จากลูกยิงไกลของ ปกเกล้า อนันต์  ในช่วง 10 นาทีสุดท้าย

นั้นเราไปดูกันซิว่า..หลังเกมดังกล่าวจบลง แฟนบอลตระกูลเหงียนรู้สึกอย่างไร?

#‎คอมเม้นต์หลังจบเกมส์ไทยกับเวียดนาม‬ (ชุดใหญ่)

Huy Nguyen : 
ทีมไทยเกย์ก็แค่มีผู้เล่นมากกว่า1คนเท่านั้น

ĐứcCường Nguyễn : 
เราต้องรับกลับไปแก้ไขกองเชียร์คนไทยบ้างส่วนนิสัยไม่ดีชอบดูถูกที่ฉันเจอวันนี้

Tạ Quốc Bảo : 
ขอแสดงความยินดี ประเทศไทย ของคุณแข็งแกร่งกว่าเรา

Tuấn Nguyễn :
นี่คือการแข่งนัดแรกที่เลวที่สุด WC 2018 :(((

Nam Bá Đạo : 
ฉันคิดว่าเล็กๆน้อยๆกรรมการไม่ควรเป่าหยุดเกมส์ บางจังหวะไม่ควรได้ใบเหลืองและคิดว่าก็ไม่ควรได้ใบแดงมันเหมือนลำเอียงมากเกินไป

Hoàng Trung : 
ต้องรับยอมว่าเราเล่นได้ต่ำกว่ามาตรฐานต่ำกว่าไทยในนัดนี้ เราเล่นติดขัดมากไปบางจังหวะควรทำได้แต่ก็ไม่ได้ ครึ่งหลังเกมส์มันหายไป สถานการณ์ตอนนี้เรายังมีหวังเล่นในบ้านต้องเก็บเกี่ยวการเล่นของไทยให้มากที่สุด

Hlv Miura Jmg :
เป็นเกมส์ที่น่าเศร้าของโค้ชมิอูระ แต่เรายังรัก โค้ชมิอุระ

Quốc Anh : 
ผิดหวังกับ เลย์คองวิน เล็กน้อยทุ่มเท่มากไปจนแกร่งไปหมด

ไทย เวียดนาม

Hải Phòng Người : 
โดยทั่วไปก็ถือว่าดี แต่เศร้า T_T

Hy Vọng :
กองหน้าหลุดโล่งๆ 2-3 ครั้งยังทำไม่ได้แล้วจะหวังอะไร เจาะก็ไม่เข้า

Thành : 
ฉันจะสนับสนุนทีมจนกว่าฉันตาย ><

Hieusun Fubunow : 
เวียดนามแพ้ทีมไทย 1 ลูก เล่นเกมกันมั่วไปหมดรุนแรงบาดเจ็บ รู้สึกว่าแผนการของนายมิอุระ เราไม่มีการเปลี่ยนแปลงจนกระทั้งมาเสียประตูแก้เกมส์ก็ช้าทำให้ไทยชนะไป

Ma Kết : 
เวียดนามผิดพลาดมากเกินไป

Hoàng Phương : 
เขามีอำนาจศาลตุลาการที่ดี (หมายถึงกรรมเข้าข้างไทย) V_V

Phong Như Nguyễn : 
จุดเปลี่ยนของคือการได้รับใบแดงจากกรรมการ ผู้เล่นน้อยกว่า

ไทย เวียดนาม

Thuỳ Dương : 
ฉันเกลียด ฉันเกลียด

Hoàng Trung Hiếu :
ฉันเบื่อกรรมการจากออสเตเลีย -_ - ที่ทำหน้าที

Kongthong : 
ทำไมเวียดนามไม่ได้ความยุติธรรม

Nguyễn Thế Hoàng :
นี่นะหรือฟุตบอลไทยแลนด์อะไรก็ล้ม เวียดนามยินดีต้อนรับกลับบ้าน

Tiến Anh : 
กลับมาเล่นที่บ้านเราต้องใช้เงินอัดกรรมการบ้างละ

Thìa'S Gỗ Poly'y :
เราต้องใช้ U19 สู้กับทีมไทย

Lê Hoàng Phúc : 
เราเล่นดีแล้วแต่คิดว่าน่ะจะเสมอ

ไทย เวียดนาม

Châu Hải Yến :
โดนโกง T_T

Duy Khương : 
กรรมให้ใบแดงไม่สมควรเลยเหมือนได้รับรางวัลใต้โต๊ะ

Phong Như Nguyễn : 
กรรมการโคตรลำเอียงสถานการณ์ที่ได้รับใบเหลืองก็ไม่สมควรได้ เจ็บใจจริงๆ

Phương Khanh : 
ทีมไทยเล่นไม่สมราคาคุย

CR : facebook/Support Thai Premier League
https://www.facebook.com/SupportThaipremierleague

อดีตขุนโจร เสือใบ สิ้นแล้วตั้งสวดอภิธรรม 7 วันที่วัดพันตำลึง

เสือใบ
อดีตขุนโจร เสือใบ สิ้นแล้ว

บุตรชายคนโตของ นายใบ สะอาดดี หรือ เสือใบ อดีตขุนโจรชื่อดังแห่งภาคกลาง รับร่างเสือใบ จาก รพ.พระมงกุฎฯ ไปประกอบพิธีทางศาสนา โดยจะตั้งบำเพ็ญกุศลสวดอภิธรรมศพ 7 วัน 7 คืน ที่วัดพันตำลึง จ.สุพรรณบุรี ก่อนฌาปนกิจวันที่ 2 มิ.ย.นี้...

เมื่อวันที่ 25 พ.ค. 2558 นาวาตรีวสวัตติ์ สอาดดีเศรษฐพล ผู้บังคับกองร้อยสารวัตรที่ 3 กองพันสารวัตรทหารเรือที่ 1 กรมสารวัตรทหารเรือ บุตรชายคนโต รับศพ เสือใบ หรือ นายใบ สะอาดดี อดีตผู้ก่อเหตุปล้นทรัพย์ ในจังหวัดอ่างทอง สิงห์บุรี และชัยนาท ออกจากโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เพื่อนำไปประกอบพิธีทางศาสนา ที่วัดพันตำลึง ตำบลดอนกำยาน อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี หลังจากที่นายใบมีอาการติดเชื้อในกระแสเลือด และเสียชีวิตโดยสงบเมื่อวานที่ผ่านมา

เสือใบ

นาวาตรีวสวัตติ์ กล่าวว่า ตั้งแต่เด็ก พ่อสอนให้ประพฤติตนเป็นคนดี และไม่ได้รู้สึกกดดันอะไร ที่เกิดมาเป็นลูกของเสือใบ จากนี้จะตั้งบำเพ็ญกุศลสวดอภิธรรมศพ 7 วัน 7 คืน และจะจัดพิธีฌาปนกิจในวันที่ 2 มิถุนายนนี้

สำหรับนายใบ เป็นชาวจังหวัดสุพรรณบุรี ก่อนผันตัวมาเป็นผู้ก่อเหตุปล้นทรัพย์จากผู้มีฐานะร่ำรวย เพื่อนำทรัพย์สินบางส่วนไปช่วยเหลือคนที่มีฐานะยากจน แต่การปล้นแต่ละครั้งนายใบจะเลือกเฉพาะผู้ที่ชอบเอาเปรียบผู้อื่น และจะไม่เอาทรัพย์สินทั้งหมด เอาเพียงครึ่งเดียวโดยใช้วิธีการปล้นแบบขอเจ้าทรัพย์ สิ่งไหนเจ้าทรัพย์ไม่ให้ก็ไม่เอา และห้ามทำร้ายเจ้าทรัพย์เด็ดขาด ยกเว้นขัดขืนและต่อสู้

เสือใบ

นายใบ เคยถูกตำรวจจับได้และศาลตัดสินประหารชีวิต แต่ให้การรับสารภาพ ศาลจึงลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต ต่อมาได้รับการอภัยโทษเหลือจำคุก 20 ปี จนกระทั่งป่วยเป็นโรคเส้นเลือดใหญ่ที่หัวใจโป่งกดทับระบบทางเดินหายใจ และถูกนำตัวส่งมารักษาที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เมื่อต้นเดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมา ก่อนเสียชีวิตเมื่อวานนี้ ด้วยอายุ 94 ปี

CR : http://www.thairath.co.th/content/500959